หนังตะลุง เป็นศิลปะพื้นเมืองทางภาคใต้ของไทยอย่างหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะมีการแสดงน้อยลงในปัจจุบัน แต่ก็ยังคงเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร
ภายใต้แสงไฟพาดผ่าน เงาหุ่นโยกย้ายตามท่วงทำนอง ขยับปาก ชี้นิ้วด้วยท่วงท่าพาทีไปกับเสียงพากย์อันเป็นภาษาถิ่นใต้ ดึงดูดและตรึงผู้ชมไว้ด้วยมนต์เสน่ห์แห่งสำเนียง สำนวน และความสนุกสนาน ทั้งการต่อล้อต่อเถียง ประชดประชัน เรียกเสียงหัวเราะ ระคนเสียงดนตรี ทับ กลอง โหม่ง ฉิ่ง ที่บรรเลงสอดผสานไปพร้อม ๆ กัน
หนังตะลุงนี้สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากหุ่นเงา ซึ่งเป็นศิลปะพื้นเมืองแถบมลายู กับหนังใหญ่ที่เป็นศิลปะในแถบภาคกลางของไทย โดยเชื่อว่าคำว่า “หนังตะลุง” นั้นเพี้ยนมาจากคำว่า “หนังพัทลุง” ซึ่งเป็นการเรียกหนังที่เข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ครั้งแรกสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาพัทลุง (เผือก) เป็นผู้นำไปเล่น ซึ่งหนังที่เข้าไปในครั้งนั้นเป็นหนังจาก “นายหนัง” ชาวจังหวัดพัทลุง จึงเรียกกันว่า “หนังพัทลุง”
คำว่า “นายหนัง” นั้นเป็นคำที่ใช้เรียกผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแสดงหนังตะลุง ตั้งแต่การแกะหนังตะลุง การเชิด การพากย์เสียง เป็นผู้กำกับวงดนตรีและกำกับการแสดง นายหนังที่เก่งจะมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับตัวหนัง และเนื้อเรื่องที่จะแสดง รวมไปถึงบุคลิกตัวละคร ซึ่งโดยปกติแล้วนายหนังมักจะนำเหตุการณ์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง สอดแทรกเข้าไปในเนื้อเรื่อง ผูกเป็นเรื่องเป็นราว นำมาดำเนินเรื่องด้วยบทร้อยกรอง ตามสไตล์ของหนังตะลุง แต่สอดแทรกบทสนทนาเป็นระยะ ๆ
หนังตะลุงนี้ใช้เล่นได้ทุกเทศกาล ทั้งงานรื่นเริงและไม่รื่นเริง ทั้งเพื่อความบันเทิงและเหตุผลอื่น ๆ เช่น การแก้บน นายหนังบางคนสามารถแสดงต่อเนื่องได้ตั้งแต่พลบค่ำจนถึงใกล้รุ่ง โดยหนังที่นำมาแสดงนั้นมีมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น นิทาน นิยายจักร ๆ วงศ์ ๆ ตำนานพื้นบ้าน ไปจนถึงมหากาพย์อย่างเรื่องรามเกียรติ์ และแม้กระทั่งเรื่องที่แต่งขึ้นเอง
นอกจากความสามารถของนายหนังในเรื่องการแสดงแล้ว ความสามารถด้านการแกะหนังเพื่อทำเป็นตัวละครแต่ละตัวนั้นยังถือเป็นเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้ของหนังตะลุง โดยเฉพาะตัวตลก ซึ่งถือเป็นสีสันของหนังแต่ละเรื่อง และหากนายหนังคนไหนสามารถสร้างตัวตลกได้อย่างมีชีวิตชีวาและน่าประทับใจ มีมุกตลกที่เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ ก็จะทำให้ตัวตลกตัวนั้นกลายเป็นที่กล่าวขานกันไม่รู้จบ และมีการนำตัวละครตัวนั้นไปใช้แสดงในหนังของคนอื่น ๆ กลายเป็นตัวละครสาธารณะที่ใคร ๆ ก็ใช้กัน ตัวตลกที่เป็นที่รู้จัก ๆ กัน ก็อย่างเช่น อ้ายเท่ง หรืออ้ายหนูนุ้ย
ด้วยศิลปะของการแกะหนัง การแสดง ผสมผสานกับบุคลิกความเป็นเอกลักษณ์ของคนใต้ ทำให้หนังตะลุงมีผู้ที่ชื่นชอบอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าในปัจจุบันนายหนังบางคนจะเริ่มมีความพยายามในการปรับตัวให้หนังตะลุงดูโมเดิร์นขึ้น ซึ่งทำให้กลิ่นอายของหนังตะลุงเริ่มแปรเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีนายหนังอีกหลายคนที่ยังพยายามรักษาวัฒนธรรมความเป็นหนังตะลุงดั้งเดิมไว้ เพื่อสืบสานความเป็นศิลปะพื้นเมืองที่เขาภาคภูมิใจไว้ด้วยเช่นกัน