“Cisco” บริษัทที่ปรึกษาไอทียักษ์ใหญ่ของโลกประเมินไว้ว่า มูลค่าตลาดของ Digital Transformation ทั่วโลกอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ทุกวันนี้ธุรกิจทั่วโลกยังอยู่ในกระแสของการเปลี่ยนผ่าน ที่ไม่ใช่แค่นำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร แต่คือการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมดตั้งแต่กระบวนการคิด การวางกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้พนักงานและลูกค้า
ในรายงาน Ready , Steady ,Unsure – Are Companies in Asia-Pacific Ready for the Digital Transformation Fight? ซึ่งเป็นผลการสำรวจจากเหล่า Senior IT Manager จำนวน 1,325 คนจากธุรกิจที่มีพนักงานมากกว่า 500 คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผลสำรวจมีความน่าสนใจ โดยมีข้อมูลว่าประเทศในแถบเอเชียมีเป้าหมายในการทำ Digital Transformation ด้วยเหตุผลที่ใหญ่ที่สุด คือ ต้องการเพิ่ม productivity ถึง 73% ขณะที่ต้องการเพิ่มรายรับ 59% นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ 56% และ 54% คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตามการสำรวจครั้งนี้ พบด้วยว่าประมาณ 19% ของธุรกิจที่มีขนาดเกินกว่า 10,000 คนกลับรู้สึกยังไม่พร้อมในการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล และธุรกิจขนาดเล็กกว่านั้น มีเพียง 7% ที่รู้สึกว่ายังไม่พร้อม ถึงแม้ว่าธุรกิจจำนวนมากในอาเซียนมีความมั่นใจในการปรับเปลี่ยน แต่กลับพบว่ามีเพียง 60% ที่เริ่มเปลี่ยนด้วยการใช้งานคลาวด์ ขณะที่ 59% เริ่มใช้โซลูชั่นด้าน Cyber Security อย่างจริงจัง และ 55% เริ่มใช้งาน Big Data and Analytics ยังมีเพียง 48% เท่านั้นที่เริ่มทำ Automation แบบจับต้องได้
ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ โดยการเสนอข่าวของ The Jakarta Post สื่อของอินโดนีเซียรายงานถึงการปรับลดพนักงานและปรับโครงสร้างพนักงานของธนาคารรายใหญ่หลายแห่งในประเทศ ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากเปลี่ยนแปลง และเทคโนโลยีต่างๆที่เข้ามามีบทบาทมาก
โดย Bank Negara Indonesia (BNI) ธนาคารขนาดใหญ่ของอินโดนีเซียได้เผยกับ The Jakarta Post ว่าทางธนาคารนั้นมีแผนที่จะลดจำนวนพนักงานและเปลี่ยนไปให้บริการทางดิจิทัลมากขึ้น โดยวางแผนโยกย้ายพนักงาน 60% ขององค์กร โดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบเนื้อหางานที่เป็นงานซ้ำซากไปทำงานในตำแหน่งอื่นที่สร้างคุณค่าได้มากกว่า และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานซ้ำซากน่าเบื่อเหล่านั้นแทน
ในทำนองเดียวกัน OCBC NISP ซึ่งเป็นบริษัทเงินกู้เอกชนของอินโดนีเซียก็ยอมรับว่าจำนวนพนักงานในบริษัทนั้นถูกปรับลดลงจริง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลและการปิดออฟฟิศในหลายสาขา โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบส่วนมากนั้นเป็นผู้รับผิดชอบงานแอดมินทั่วไป
ในการนี้ OCBC, BNI, และสถาบันการเงินใหญ่อื่นๆของอินโดนีเซียอย่าง Bank Tabungan Negara (BTN), Bank Rakyat Indonesia (BRI), Bank Central Asia (BCA), และ DBS Indonesia ต่างก็เห็นตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทำให้การขยายสาขาไม่สำคัญมากอีกต่อไป และการจ้างงานบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลได้กลายมาเป็น Priority สำคัญในการเดินต่อบนเส้นทางการให้บริการแบบดิจิทัลที่กำลังเป็นอยู่
นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะด้านดิจิทัลในแรงงานยุคปัจจุบัน ดิจิทัล อินฟอร์เมชั่น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด และไม่ใช่แค่ธุรกิจขนาดใหญ่ รายเล็กยิ่งต้องเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย ถึงเวลาต้องมีการใส่ใจด้านดิจิทัลอย่างจริงจัง การใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ๆ จะช่วยให้ธุรกิจคุณได้อัพเกรดไปอีกขั้น ที่สำคัญแม้วันนี้คุณไม่ปรับเปลี่ยนและรับมือ แต่รอบๆ ตัวเราเปลี่ยน ถึงเวลานั้นอาจจะช้าไป เชื่อเถอะเรามาถึงยุคที่ความเร็วจะชนะทุกสิ่ง