เป็นที่ทราบกันดีกว่านายกรัฐมนตรีไทยได้ร่วมกับประธานาธิบดีศรีลังกา ประกาศเปิดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา (SLTFTA) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 ท่ามกลางการตั้งคำถามของสังคมว่าเหตุใดไทยจึงปักหมุดเจรจา FTA กับศรีลังกา ทั้งที่เป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรเพียงแค่ 22 ล้านคนเท่านั้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ความน่าสนใจของ "ศรีลังกา"
ประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย ไม่ใช่เรื่องขนาดตลาดที่ใหญ่
แต่เป็นเพราะประเทศนี้ถือเป็น "ศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลและการกระจายสินค้า”
ที่สำคัญของโลก เพราะตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือหลักของโลก มีท่าเรือสำคัญ คือ
ท่าเรือโคลัมโบ ทำให้สภาการขนส่งทางเรือโลก (World Shipping Council) จัดอันดับว่าเป็นท่าเรือที่มีปริมาณการขนส่งมากที่สุดเป็นอันดับ 24
ของโลกในปี 2561 ยิ่งไปกว่านั้น
ศรีลังกากำลังจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อบนเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ของจีน หรือ Belt
and Road Initiative อีกด้วย
ขณะที่นโยบายด้านเศรษฐกิจทางรัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศวิสัยทัศน์
2568 (Vision
2025) มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก
รวมถึงเพิ่มมูลค่าการส่งออกจากปี 2560 ที่มีมูลค่า 11,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กลายเป็นสองเท่า หรือ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจากเดิม
1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้ให้สิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน
อาทิ การยกเว้นภาษี 3-15 ปี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และการจัดตั้ง Single
Window สำหรับนักลงทุน
ทำให้ศรีลังกาเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนต่างชาติมอง
แต่ไม่ใช่เพื่อผลิตสำหรับขายภายใน แต่เป็นเพราะได้รับสิทธิพิเศษด้านการนำเข้า-ส่งออก
ประเภท GSP Plus จากสหภาพยุโรปด้วยจากศักยภาพของศรีลังกา
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงไม่ใช่มีเพียงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ตัดสินใจทำความตกลงค้าเสรี
(FTA) กับศรีลังกา แต่ยังมีทั้ง อินเดีย สิงคโปร์ อีกด้วย
สำหรับความตกลง FTA ไทย-ศรีลังกานั้น ได้มีการเจรจากันไปแล้ว 2 รอบ ถือเป็นความตกลงครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ
ด้านการค้าสินค้าทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นการเจรจาเพื่อลด
หรือยกเลิกภาษีสินค้าส่วนใหญ่ระหว่างกัน การเปิดตลาดการค้าบริการในสาขาต่างๆ การเปิดเสรีการลงทุนโดยการอำนวยความสะดวก
และการให้การคุ้มครองนักลงทุน ระหว่างกัน
โดยปัจจุบันนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในศรีลังกาแล้วประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น
กลุ่มซีพี นิคมโรจนะ เซ็นทารา ดุสิต และ ไมเนอร์กรุ๊ป เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ประมง
อัญมณีและเครื่องประดับ การท่องเที่ยว วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม การเงิน อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
เป็นต้น ทั้งนี้ไทยและมีศรีลังกามีเป้าหมายจะบรรลุความตกลงให้ได้ภายในปี
2563
หากความตกลง FTA ไทย-ศรีลังกา สำเร็จ จะมีส่วนช่วยให้มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม~กันยายน) ของปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับศรีลังกา 336.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปศรีลังกา 275.98 เหรียญสหรัฐ ในสินค้า เช่น ผ้าผืน ปลาแห้ง น้ำตาลทราย ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางพารา เป็นต้น และเป็นการนำเข้าจากศรีลังกามาไทย มูลค่า 60.12 ล้านเหรียญสหรัฐ ในสินค้า เช่น อัญมณี เสื้อผ้าสำเร็จรูป พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เครื่องจักรไฟฟ้า และสัตว์น้ำแช่เย็นและแช่งแข็ง เป็นต้น