ทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home มาตรการที่หลายบริษัทนำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ให้กับพนักงานนับตั้งแต่ไวรัสโควิดแพร่ระบาด แน่นอนว่าแต่ละบริษัทต่างก็เสาะหาสุดยอดโซลูชั่นง่ายต่อการสื่อสาร
ติดต่อพูดคุยกันนะหว่างการทำงาน
เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่น
เสมือนทำงานอยู่ที่ออฟฟิศจริง ผู้นำองค์กรหลายคนเลือกใช้โปรแกรม Slack เป็นช่องทางในการติดต่อกันแบบส่วนตัว หรือหลายบริษัทเลือกใช้โปรแกรม Trello
คอยติดตามผลการทำงานของลูกน้อง
แต่หลายๆ บริษัทเลือกใช้ Zoom Cloud meetings แพลตฟอร์มยอดนิยมในการประชุมทางไกล และกำลังกลายเป็นขวัญใจมหาชนในช่วงยุคโควิดแพร่ระบาดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากแอปพลิเคชั่นสามารถช่วยให้การประชุมออนไลน์แบบเห็นหน้าพนักงานทุกคนเป็นเรื่องแสนง่าย สะดวกสบายครบวงจร และจบในที่เดียว ซึ่งปัจจุบัน Zoom ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งานทั่วโลก และกำลังเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับใช้ในการประชุมทางไกลที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
10 จุดเด่นของเทคโนโลยี Zoom
1. เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี : สามารถประชุมพร้อมกันได้สูงสุด 100 คน
แต่จะมีจำกัดการคุยวิดีโอไว้ครั้งละไม่เกิน 40 นาที ซึ่งถือว่ามีเวลาเหลือเฟือสำหรับคนไทย
2. รองรับทุกแพลตฟอร์ม : ไม่ว่าผู้ร่วมประชุมจะใช้ PC, Mac, IOS,
Android (หรืออุปกรณ์ Zoom Presence) ก็สามารถประชุมด้วยกันได้หมด
3. รองรับทุกสถานการณ์ : สุดเทคโนโลยีที่สามารถเลือกสถานการณ์ประชุมได้
ว่าอยากประชุมแบบโต้ตอบระหว่างกันได้ หรือนั่งฟังเฉยๆ
4. มีโหมด Safe drive : เหมาะสำหรับตอนขับรถก็สามารถร่วมประชุมกับองค์กรได้
5. การ Share Screen : สามารถแชร์ได้หลายแบบ เช่น แชร์หน้าจอทั้งหมด, แชร์ Whiteboard
หรือแชร์หน้าจอเฉพาะของหน้าต่างแต่ละแพลตฟอร์มก็ได้
6. เกลี่ยผิวเนียนได้ : เวอร์ชั่น PC สามารถตั้งค่าความเนียนของผิวให้ใสกิ๊กแค่ไหนก็ได้
เหมาะอย่างยิ่งกับเวลาที่ต้องรีบตื่นมาประชุมแต่เช้า แบบหน้าสดๆ และน้ำไม่ได้อาบ ทำให้
Zoom เป็นแอปฯ ประชุมทางไกลยอดนิยมในขณะนี้ โดยเฉพาะสาวๆ ออฟฟิศ
7. ห้องรกไม่เป็นอุปสรรค : เพราะสามารถเลือกตั้งค่า Virtual
background มาปกปิดความรกของห้องได้เลย
ทำได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโออีกด้วย ซึ่งเวอร์ชั่นวิดีโอ ต้องทำจากใน PC อย่างเดียว
8. เชิญประชุมง่าย : การเชิญผู้เข้าร่วมงาน
หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมง่ายดาย ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ หรือรายชื่อ
9. แชร์หน้าจอกลุ่มผู้ประชุมไหลลื่น : สามารถแชร์โดยตรงจากมือถือ และแชร์คอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น
รูปภาพ ไฟล์ใน Drop box, OneDrive, Google drive และ box
10. ส่งสัญญาณไร้ขีดจำกัด : ผู้ประชุมสามารถใช้งานผ่านสัญญาณ WiFi หรือ 3G/4G ได้ทันที
Zoom
มีความเป็นส่วนตัวแค่ไหน
Zoom เป็นผู้ให้บริการการประชุมออนไลน์
ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2011 โดย อีริค หยวน นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวจีน
ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้มีมูลค่าในตลาดหุ้น 3.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.27
ล้านล้านบาท โดยได้รับความนิยมเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง “สไกป์”
และ “ไมโครซอฟต์ ทีม” เพราะการใช้งานที่สามารถทำได้อย่างสะดวกง่ายดายนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Zoom
เก็บรวบรวมข้อมูลปริมาณมหาศาลเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ มูลนิธิพรมแดนอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Frontier Foundation)
ตลอดทั้งรวบรวมข้อควรระวังทางด้านความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานดังนี้
1. ผู้จัดประชุม หรือ โฮสต์
สามารถสอดส่องพฤติกรรมของผู้ร่วมประชุมได้ และสามารถเห็นได้ด้วยว่า
หน้าจอซูมของคนอื่นกำลังเปิดอยู่หรือไม่
2. หากผู้ร่วมประชุมบันทึกการประชุมเอาไว้
โฮสต์ก็สามารถเข้าไปดูวิดีโอดังกล่าวได้ด้วย
3. ระหว่างการประชุม
โฮสต์สามารถมองเห็นเลขไอพี (IP Address) ที่อยู่ และข้อมูลของอุปกรณ์ที่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนใช้งานได้
วิธีใช้งานซูมอย่างปลอดภัย
1. อย่าแบ่งปันลิงค์หรือรหัสประจำห้องประชุมบนพื้นที่สาธารณะ
2. อย่าใช้รหัสประจำตัว แต่ให้ซูมสร้างรหัสใหม่ทุกครั้งที่เริ่มการประชุม
3. ใช้รหัสผ่านอีกหนึ่งชั้นก่อนเข้าประชุม
4. ตั้งค่าให้มีแค่ผู้จัดการประชุม
"host only" เท่านั้นที่สามารถแบ่งปันภาพหน้าจอได้
5. ตั้งค่าไม่อนุญาตให้มีการแบ่งปันไฟล์
เพื่อป้องกันการเผยแพร่ มัลแวร์ (malware) หรือไวรัสที่อาจทำลายระบบของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
6. ปิดการตั้งค่า
"เข้าร่วมก่อนผู้จัด" หรือ "join before
host"
7. ปิดการตั้งค่าการอนุญาตให้บุคคลที่ถูกนำออกจากการประชุมกลับเข้ามาได้ หรือ "allow removed participants to rejoin"
Zoom แอปมีให้เลือกใช้ 2 ฟังก์ชั่นใช้ฟรี-ขาย
ด้วยความที่ Zoom เป็นที่นิยมของหลายบริษัททั่วโลกใช้ในการทำงาน Work
from Home โปรแกรม Zoom ผู้ผลิตออกผลิตภัณฑ์มีให้เลือกใช้ทั้งแบบประหยัดและแบบเสียเงินใช้ได้ครบจบทุกฟังก์ชั่น
ซึ่งทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกัน โดยแบบประหยัดใช้ฟรี แต่มีข้อเสียตรงที่จะสามารถประชุมงานกับพนักงานได้สูงสุดเพียง
40 นาที ขณะที่แบบเสียเงินสามารถประชุมได้นานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้แบบเสียเงินยังรองรับการประชุมสูงสุดถึง 100
คนพร้อมฟังก์ชั่นยกมือและแชร์หน้าจอพร้อมๆกันหลายคน
นับว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมทางไกลครบเครื่องในตอนนี้ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นประชุมทางไกลพร้อมกันได้จำนวน 100 คน, ฟีเจอร์หลากหลายลูกเล่น ทั้งการแชร์ไฟล์ แชร์หน้าจอ หรือแชร์ Whiteboard และที่สำคัญ คือใช้งานได้แบบฟรีๆ หรือแบบซื้อ แต่แนะนำว่าถ้าจะประชุมกันหลายๆ คนแล้วต้องการทำ Video Call อินเตอร์เน็ตที่ใช้ต้องแรงทะลุทุกมิติ ไม่งั้นจะกระตุกทั้งภาพและเสียงจนคุยไม่รู้เรื่อง แถมยังต้องเสียอารมณ์อีกด้วย