เจ้าของกิจการย่อมคาดหวังที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ หรืออย่างน้อยๆ ก็ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ วัน ซึ่งทำให้หลายๆ คนพยายามที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นในองค์กร เพื่อพัฒนาตัวเองและบุคลากรอยู่เสมอ แต่มี 4 กิจกรรมที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถพัฒนามันได้จริง และนอกจากคุณจะเสียเวลาเปล่าแล้ว ยังอาจทำให้องค์กรดูแย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะนั้นกิจกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรเลี่ยงที่สุด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. เปิดกล่องแสดงความคิดเห็น
กล่องแสดงความคิดเห็นนี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ในการพัฒนาองค์กร
เพราะทุกคนสามารถออกความเห็นของตัวเองได้ คนในสามารถบอกได้เลยว่าองค์กรมีจุดบกพร่องอะไรที่ควรปรับปรุงแก้ไข
และมีจุดไหนที่ควรใส่ใจแต่กลับมองข้ามไปบ้าง ดูภายนอกมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่มีช่องทางการพัฒนาให้คุณอย่างชัดเจน
แต่ในทางกลับกันหลายๆ องค์กรกลับได้รับผลกระทบแง่ลบจากกล่องใบนี้
เนื่องจากกล่องรับความคิดเห็นนั้น
คนที่เขาพยายามหย่อนความคิดเห็นลงไปก็หวังว่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลง
หรือเห็นสิ่งต่างๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แต่เมื่อคุณในฐานะผู้ประกอบการ
หรือหัวหน้ากลับไม่ทำตาม ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งแย่ๆ เหล่านั้น คนในองค์กรที่ส่งไปก็รู้สึกว่าคุณไม่มีความจริงใจ
ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ไม่ใส่ใจในการพัฒนาองค์กรอย่างแท้จริง
ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่พนักงานมีกลับเปลี่ยนแปลงไป จากที่กล่องแสดงความคิดเห็นใบนี้จะช่วยพัฒนาสิ่งต่างๆ
ให้ดีขึ้นได้ มันกลับจะพัฒนาความรู้สึกแง่ลบขึ้นมาแทน
เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะปรับเปลี่ยนได้จริง
หรือจะใส่ใจกับทุกความคิดเห็นจริงๆ อย่าได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเด็ดขาด
2. ช่วยกันระดมสมอง
การระดมความคิดเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทุกองค์กรต้องทำเวลาประชุม
เพราะมันเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้รอบด้าน
ไม่มองด้านเดียวหรือมีมุมมองที่แคบอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดปัญหา
หรืออุปสรรคในการทำงาน การระดมความคิดจะช่วยในเรื่องนี้ได้มาก
และทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นได้ รวมถึงได้รับการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
แต่การระดมความคิดจะหมดประโยชน์ไปในทันที
และกลายเป็นกิจกรรมที่ทำให้องค์กรของคุณไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน เมื่อคุณเชิญทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการระดมความคิดนี้
สิ่งสำคัญที่หลายๆ องค์กรเข้าใจผิด คือการคิดว่ายิ่งคนมากยิ่งดี และเชิญทุกแผนกทุกคน
ทั้งคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย เข้ามาร่วมระดมสมองตรงนี้ด้วย
การกระทำแบบนี้มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม เพราะนอกจากจะไม่ได้ไอเดียที่ตรงจุดประสงค์แล้ว
ยังเป็นการเบียดเบียนเวลาการทำงานของพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้นอีกด้วย
เพราะการเสนอไอเดียต่างๆ อาจมาจากในมุมมองของคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง
ทำให้ต้องอธิบายเพิ่มเติม หรือเสียเวลากับการมารับฟังไอเดียที่ไม่เข้าท่าจำนวนมาก
และใช้งานจริงไม่ได้
ดังนั้นสิ่งสำคัญถ้าไม่อยากให้กิจกรรมดีๆ แบบนี้ต้องกลายเป็นกิจกรรมพาองค์กรถอยหลังลง
ให้สกรีนคนระดมสมองให้น้อยที่สุด เอาเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น และที่สำคัญต้องมีการจำกัดเวลาอย่างชัดเจน
เพื่อไม่ให้การระดมสมองนั้นยืดเยื้อและไม่จบไม่สิ้น
ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในส่วนอื่นๆ ได้
3. พาไปทำกิจกรรมร่วมกัน
หนึ่งในกิจกรรมที่หลายๆ องค์กรต้องมีเหมือนกัน
เพื่อกระชับความสัมพันธ์และคาดหวังให้พนักงานรักใคร่ กลมเกลียวกัน
หรือรู้จักกันมากขึ้น นั่นคือกิจกรรมกีฬาสีภายในหรือกิจกรรม Hangout กับองค์กรนั่นเอง
การจัดทริปเพื่อกระชับความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องแย่หรือเป็นสิ่งที่ผิด
จุดประสงค์ตั้งต้นของมันนั้นมีเจตนาที่ดีอย่างแน่นอน
และมันช่วยให้คนในองค์กรรู้จักกันได้มากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ
เพียงแต่สุดท้ายแล้ว มันจะกลายเป็นกิจกรรมที่เสียเวลา
เสียงบประมาณไปอย่างเปล่าประโยชน์ในทันที ถ้าหากหลังจากกลับมาแล้วคุณไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ตรงนั้นต่อไปแม้แต่นิดเดียว
เพราะสุดท้ายพอเข้าที่ทำงานก็ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างทำ
และสิ่งนี้มันก็จะปรับให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ในความเคยชินเหมือนเดิม
คนที่เกลียดกันก็ยังคงเกลียดกันอยู่ดี
ที่เป็นแบบนี้เพราะสิ่งที่ทำให้คนในองค์กรไม่ช่วยเหลือกัน
ไม่รักใคร่กันอย่างที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน
แต่เป็นเพราะพวกเขามีนิสัยส่วนตัว ความคิด ทัศนคติในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกัน
ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญที่แก้ไขได้ยากมาก
เพราะฉะนั้นทางที่ดีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในองค์กรนั้นคือต้องเปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็นของทุกคนเพื่อรับรู้ถึงปัญหา
จากนั้นเคลียร์ทุกอย่างอย่างเป็นกลางที่สุด รวมถึงสุดท้ายแล้วหัวหน้าหรือเจ้าของกิจการเองต้องแสดงความยุติธรรมในทุกๆ
อย่างให้พวกเขาเห็น เพื่อให้การทำกิจกรรมร่วมกันครั้งนี้มันต่อยอดความรู้สึกดีๆ
ไปได้ เมื่อคนในทีมรู้จักกันมากขึ้น พร้อมกับได้รับการดูแลที่ยุติธรรมจากคุณ
บรรยากาศในการทำงานก็จะเปลี่ยนไป จะไม่มีใครรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ หรือเจอเรื่องแย่ๆ
จากใคร เพราะได้กำจัดต้นตอของปัญหาภายในทิ้งไปแล้วนั่นเอง
4. จัดอันดับพนักงานดีเด่น
กิจกรรมสุดท้ายที่ศักดิ์สิทธิ์และจะเป็นแรงบันดาลใจให้พนักงานกระตุ้นตัวเองให้ตั้งใจทำงานมากขึ้น
เพื่อหวังรางวัลตรงนี้
จะกลายเป็นกิจกรรมยอดแย่ที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อจิตใจพนักงานมากมายได้ในเวลาเดียวกัน
หากการจัดอันดับของคุณครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวังกัน
และไม่ตรงกับความเป็นจริง
เป็นเรื่องธรรมดาที่ในทุกองค์กรจะมีทั้งคนที่ลงมือทำเยอะแต่พูดน้อย
กับคนที่ลงมือทำน้อยแต่พูดเยอะ ซึ่งผลงานต่างๆ ของคนประเภทหลังที่ทำน้อยแต่พูดมากส่วนใหญ่จะเข้าตาระดับผู้บริหารได้มากกว่า
ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นจุดบอดในการทำงาน ที่นอกจากการจัดอันดับพนักงานดีเด่นจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามจริงแล้ว
ยังส่งผลให้คนที่ตั้งใจทำงานแต่กลับไม่ได้ประจบหรือแสดงออกมากมาย ต้องเสียกำลังใจ
และรู้สึกว่าโดนองค์กรเอาเปรียบ
และความคิดนี้เองที่จะส่งผลให้คนทำงานดีต่างพากันตัดสินใจลาออกได้อย่างง่ายดายขึ้นกว่าเดิม
เพราะมีตัวเปรียบเทียบให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมกันอย่างเห็นได้ชัด
เพราะฉะนั้นเมื่อคิดจะจัดกิจกรรมอย่างการจัดอันดับพนักงานดีเด่น เพื่อสร้างไฟให้พนักงานทุกคนอยากขยันพิชิตรางวัลในทุกๆ
เดือน หรือทุกๆ ปีแล้ว ก็ควรจะมีการใส่ใจในการทำงานอย่างจริงจัง
วัดกันที่ผลงานเท่านั้น ไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัว หรือการเข้าหากันมาเป็นตัวตัดสิน
หรือสอบถามจากพนักงานทุกคนเพื่อให้ได้พนักงานดีเด่นที่ถูกต้องอย่างแท้จริงที่สุด
ความตั้งใจในการพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้นต่อไปของคุณจะไม่ถูกเข้าใจผิด และไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยก หรือทำให้เกิดการเสียเวลากับองค์กรอีกต่อไป หากคุณปรับเปลี่ยนและใช้งานต่อยอดมันอย่างถูกต้องแบบที่ควรจะเป็น เพราะความเป็นจริงแล้ว 4 กิจกรรมเหล่านี้นับว่ามีประโยชน์และส่งผลดีต่อองค์กรของคุณได้อย่างแน่นอน หากคุณใช้งานมันอย่างถูกต้องแต่แรก