ตลาดสินค้าเครื่องดื่มในญี่ปุ่นยังเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีกำลังซื้อเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ
ในเอเชีย ผู้ผลิตในญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญสูงสุดกับนวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงไปของสภาพแวดล้อมทางสังคมและรสนิยมผู้บริโภค
พร้อมทั้งสร้างความต้องการใหม่ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง
โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ในประเภท Soft drinks
ความรู้สึกที่ว่า "บริโภคคาเฟอีนมากเกินไป" กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องดื่มของญี่ปุ่นอยู่ขณะนี้ ธุรกิจเครื่องดื่มในญี่ปุ่นได้รับความเห็นจากผู้บริโภคและผลสำรวจบางอย่าง ที่ทำให้ต้องกลับมาคิดสำหรับการผลิตสินค้าครั้งใหม่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Suntory Beverage & Food Limited ได้ทำการสำรวจตลาดและได้รับความคิดเห็นจากผู้บริโภคว่า
"วันไหนที่ดื่มกาแฟตอนเช้า
ช่วงบ่ายจะพยายามดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน" ส่วนบริษัท Kirin
Holdings Company, Limited ก็มีการสำรวจตลาดผู้บริโภคของบริษัทฯ
เช่นกัน พบว่า ผู้หญิงอายุ 40
ปีขึ้นไปมีแนวโน้มหลีกเหลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มผสมสารคาเฟอีนมากขึ้น เพราะคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ
ขณะเดียวกันการทำงานอยู่บ้านมากขึ้นของคนญี่ปุ่นที่
Work from home ในช่วงโควิด 19 ทำให้หยิบดื่มเครื่องดื่มที่ชอบออกมาดื่มได้สะดวกกว่าอยู่ออฟฟิศ
จึงพยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะไม่อยากให้ร่างกายได้รับมากเกินไป
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่แสดงออกมาเช่นนี้
ทำให้ตลาดเครื่องดื่มญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนที่กำลังนี้น่าจับตามองเป็นพิเศษ
แนวโน้มความนิยมของการบริโภคเครื่องดื่ม
Caffeineless หรือเครื่องดื่มที่ลดปริมาณการผสมสารคาเฟอีนที่เพิ่มสูงขึ้นนี้
จากเดิมที่เป็นกลุ่มคุณแม่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกและพยายามหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
แต่ตอนนี้มีการขยายตัวของผู้บริโภค
ส่งผลให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มหันมาสนใจในตลาดดังกล่าว
โดยมีการพัฒนาสินค้าทั้งทางด้านการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ให้สื่อถึงสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนารสชาติและเทคโนโลยีการผลิต
นายกิตติวัฒน์ ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโตเกียว
แนะแนวทางสำหรับผู้ประกอบการสินค้าเครื่องดื่มของไทย ที่ต้องการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น
ไว้ 3 ด้านว่า
1. ควรเข้าใจในรสนิยมและความต้องการของผู้บริโภค
ดังเช่นเรื่อง Caffeineless ที่กำลังได้รับความนิยม
เครื่องดื่มที่ไม่มีหรือลดน้ำตาล ภาชนะบรรจุที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น
ขนาด สีสัน ไปจนถึงการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
2. พัฒนาสินค้าให้ตรงกับแนวโน้มความต้องการของตลาด
ศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เป็น Asian Speciality Drink ที่จะดึงดูดผู้บริโภคญี่ปุ่นได้
โดยเน้นจุดขายด้านประโยชน์ต่อสุขภาพและความแปลกใหม่
ซึ่งไทยเองมีความได้เปรียบในด้านวัตถุดิบที่เป็นผลผลิตการเกษตรต่างๆ
รวมทั้งพืชสมุนไพรอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้จะต้องระวังเรื่องการโฆษณาสรรพคุณที่ระบุประโยชน์ทางโภชนาการต่อสุขภาพ
ที่อาจจะผิดกฎหมายควบคุมดูแลสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่น
3. ตลาดผู้บริโภคในญี่ปุ่นโดยรวม
เปลี่ยนจากการซื้อเพื่อการบริโภคสินค้าไปเป็นเพื่อการสร้างประสบการณ์ด้วยสินค้า (Experience)
ดังนั้นเครื่องดื่มต่างๆ ก็อาจจะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคญี่ปุ่นได้
จากการทำการตลาดที่ส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ อาทิ
ใช้กิจกรรมทางวัฒนธรรมอย่างเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนญี่ปุ่น สอดแทรกการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มไทย
เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่สนใจเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อเจาะตลาดญี่ปุ่น
เพื่อขยายตลาดสินค้าและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ
สามารถเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือ SMEs Pro-active โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ในแต่ละปีจะมีงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มอยู่หลายงาน อาทิ FOODEX
JAPAN, Health Food Exposition & Conference (HFE), Gourmet & Dining
Style Show Tokyo และ Hoteres Japan / Caterex Japan / Japan
Food Service Equipment Show (HCJ) เป็นต้น
แหล่งที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโตเกียว
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
เมื่อบิ๊กเพลเยอร์ “ชูกำลัง” โดดรับเทรนด์สุขภาพหลังโควิด-19
ตลาดความงามหลังโควิด-19 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?