‘ซุปเปอร์ฟู้ดจากสาหร่าย’ คนเอเชียคุ้นเคย แต่ชาติตะวันตกยังเคลือบแคลง
สำหรับผู้บริโภคในเอเชีย ‘สาหร่ายสไปรูลิน่า’ ย่อมเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในรูปแบบอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งด้วยสรรพคุณที่เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่ง
มีโปรตีนสูงถึง 70% โดยน้ำหนักแห้ง มีกรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด ซึ่งโปรตีนของสไปรูลิน่ามีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์
มีวิตามินที่มีคุณค่าต่างๆ มากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 12
และวิตามินอี
โดยสาหร่ายสไปรูลิน่ามีผนังเซลล์ที่นิ่ม อ่อนบาง
จึงดูดซึมและย่อยง่ายกว่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดอื่นๆ
ซึ่งมีผนังเป็นเซลลูโลสทำให้ย่อยยากกว่า
สไปรูลิน่าได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี
เป็นแหล่งอาหารเพื่อสุขภาพ
เพิ่มภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกายส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้น
สามารถเรียกได้ว่าเป็น "ซูเปอร์ฟู้ด"
คืออาหารที่เข้มข้นด้วยโภชนาการที่ดี และเทคโนโลยีปัจจุบันถูกนำมาแปรรูปให้กินง่าย
และยังคงคุณค่าไว้สมบูรณ์ครบถ้วนแถมมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
แต่อย่างที่บอก ด้วยพฤติกรรมการบริโภคของคนแต่ละประเทศแตกต่างกัน ทำให้การเปิดรับและความนิยมต้องทดลองให้ผู้บริโภคทดลองรับประทานก่อน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ตัวอย่างอาทิ บริษัทสตาร์ทอัพของออสเตรียที่ชื่อว่า
SPIRULIX ตั้งอยู่ในรัฐโลเวอร์ออสเตรีย
ทำการเพาะสาหร่ายสไปรูลิน่า เพื่อนำมาผลิตอาหารทานเล่นที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ขณะที่สาหร่ายเป็นพืชที่เป็นที่รู้จักและถูกนำมาใช้เป็นอาหารทั่วไปในทวีปเอเชีย
แต่สำหรับโลกตะวันตกยังคงมีมุมมองแบบเคลือบแคลงต่ออาหารชนิดนี้
ซึ่งบริษัท SPIRULIX ต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ และได้เชิญชวนให้ผู้บริโภคมาทดลองสินค้า
บริษัท SPIRULIX เริ่มทำการเพาะสาหร่ายสไปรูลิน่ามาตั้งแต่ปี
2017 โดยเริ่มจากฟาร์มขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐโลเวอร์ออสเตรีย
แม้สาหร่ายชนิดนี้ได้รับการขนานนามจากองค์การนาซ่าและองค์การสหประชาชาติว่าเป็น
‘อาหารแห่งอนาคต’
แต่ทว่าในประเทศออสเตรียกลับไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และนึกภาพไม่ออกว่าจะนำมารับประทานอย่างไร
SPIRULIX จึงตั้งใจนำสาหร่ายชนิดนี้มาพัฒนาเป็นอาหารที่คุ้นเคย
เช่น แคร็กเกอร์ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้า
เนื่องจากอาหารชนิดนี้มีส่วนประกอบของสารโอเมก้า
3 และธาตุเหล็กในปริมาณสูง จึงมีการทำการตลาดสินค้าชนิดนี้เป็นประเภทอาหารเสริมในรูปแบบของรับประทานเล่น
ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้เป็นพิเศษในช่วงเริ่มต้นของมาตรการล็อกดาวน์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยสามารถผลักดันยอดขายให้เพิ่มสูงขึ้นถึงสี่เท่าในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคมองหาสินค้าที่ยั่งยืนและมาจากท้องถิ่น
เป็นที่ทราบดีว่าเทรนด์ความนิมยมรับประทานอาหารประเภทซุปเปอร์ฟู้ดเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ก็ไม่ได้ขยายเป็นวงกว้างมากนัก
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรูปแบบของอาหารเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับรูปแบบอาหารและพฤติกรรมการบริโภคแบบดั้งเดิม
จึงทำให้ผู้บริโภครับประทานไประยะเวลาหนึ่งก็หยุด รับประทานหรือรับประทานน้อยลง
จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาอาหารเหล่านี้ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบในการบริโภคที่คุ้นเคย
ที่สำคัญการจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพจริงๆ
จะต้องไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่ตรงกันข้าม เช่น การทอดในน้ำมัน
หรือการใส่สารปรุงแต่งในปริมาณมากโดยเฉพาะโซเดียม และน้ำตาล
นอกจากนี้ผู้ผลิตอาหารควรทราบอีกว่า ตลาดยุโรปยังให้ความสนใจต่อกระบวนการผลิตที่ยังยืน และยังมุ่งเน้นสินค้าอาหารที่มาจากท้องถิ่นเป็นหลัก ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรพัฒนาจุดเด่นด้านอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้สินค้าได้รับการยอมรับและแข่งขันกับสินค้าท้องถิ่นได้มากขึ้น ดังตัวอย่างที่เราหยิบยกมาเพื่อชี้ให้เห็นว่า การสร้างการยอมรับจากสิ่งใหม่ที่ไม่เคยรับประทานมาก่อน อาจต้องใช้เวลาและการทดลองตลาด ขณะเดียวกันยังต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบผลสำเร็จ