5 วิธีปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีของวัยทำงาน

Edutainment
05/11/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2084 คน
5 วิธีปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีของวัยทำงาน
banner

ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่พบว่า ผู้ใหญ่วัยทำงานส่วนใหญ่มักไม่มีความสุขกับงานที่ทำ และเป็นวัยที่เสี่ยงสารพัดโรค ทั้งเครียด ซึมเศร้า อ้วนลงพุง หมดไฟ มะเร็ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำงานมากเกินไป ขาดการออกกำลังกายและกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าในปี 2562 มีคนหนุ่มสาว ผู้ใหญ่วัยทำงานราว 15 ล้านคนอยู่ในระบบประกันสังคม ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ทำให้หลายคนเกิดภาวะความเครียดสะสม กระทบต่อสุขภาพร่างกาย และเกิดโรคอ้วน เพราะขาดการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบไม่สมดุล เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งระบบสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในผู้หญิง และโรคจากการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง หลอดเลือดสมองตีบ และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

จากข้อมูลพบว่า อ้วนลงพุงและโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง คนวัยทำงานมีแนวโน้มเป็นโรคดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ส่วนโรคเครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า และวัยทำงานเป็นวัยที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมากที่สุด โดยทั้งหมดทำให้เกิดภาระและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวนมาก ฉะนั้นเพื่อให้เลี่ยงสภาวะเสี่ยง ตายเร็ว อ้วนลงพุง เกิดโรคร้ายแรงที่มีผลสืบเนื่องมาจากการทำงาน และสามารถสร้างสุขให้แก่ตัวเองได้ทั้งทางการเงิน ทางกายและทางใจ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

และนี่คือ 5 วิธีเด็ดที่จะช่วยปรับสมดุลสร้างความสุขให้แก่ชีวิตและการทำงานและทำให้กายใจแข็งแรงห่างจากภัยร้ายที่แฝงมากับการทำงาน หากทำได้ดังนี้

1. ใส่ความยืดหยุ่นลงในตารางการทำงาน

งานเยอะ งานยุ่ง จนต้องมีตารางการทำงานหรือสมุดจดบันทึกลิสต์การทำงาน เพื่อให้เกิดการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละวันได้ก็จริง แต่การที่เคร่งเครียดกับจำนวนงานที่อัดแน่นอยู่ในตารางานมากเกินไป มีแต่จะยิ่งสะสมความเคร่งเครียดทำให้ชีวิตขาดความสมดุล จนมีสภาพชีวิตย่ำแย่เกือบทุกหัวข้อที่กรมอนามัยทำการสำรวจมา ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ของวันทำงานควรมี 2-3 วันที่ต้องยืดหยุ่นให้กับตารางงานแบบไม่ต้องสนใจที่จะทำตามบ้าง เพื่อให้ไม่เคร่งเครียด ผ่อนคลาย และหลุดออกจากการถูกควบคุมด้วยตารางงาน

2. ทำงานใกล้บ้านหรือย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน

การทำงานใกล้บ้านหรืออาศัยอยู่ใกล้ที่ทำงานทำให้มีเวลาในช่วงเช้าและช่วงเย็นมากขึ้น โดยไม่ต้องไปตื่นแต่ก่อนไก่โห่ เพื่อจะรีบร้อนแต่งตัวออกจากบ้านไปทำงาน จนไม่มีเวลาให้กับมื้อเช้าที่สำคัญ แล้วก็ต้องไปหงุดหงิดกับรถติดบนถนนและความง่วงนอนที่เข้ามาบั่นทอนสมองในยามสาย เพราะจะทำให้มีเวลามากขึ้น จนอาจจะสามารถเตรียมอาหารเช้าให้กับตัวเอง ออกกำลังกายเบาๆ ยามเช้า จิบกาแฟรับอรุณ สร้างความสุขกับช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตและมีเวลาเหลือพอจะเล่นกับลูกๆ หรือสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย

3. เลือกทำแต่งานที่อยากทำจริงๆ

เพราะมีหลายสำนักวิจัยและหลายกูรูได้ออกมายืนยันแล้วว่า การทำในสิ่งที่รัก ทำอย่างไรก็รุ่ง รอด ไม่มีวันร่วง เหมือนการฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด ไม่รัก ไม่ชอบ ที่จะให้ผลตอบรับในทางตรงกันข้าม ต่อให้ผลตอบแทนจากการทำในสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบจะมีมากมายเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วถ้าใจไม่รักก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต จิตใจย่ำแย่ ขาดชีวิตชีวาและเจ็บป่วยได้หลายโรคตามมาได้เช่นกัน

4. หางานอดิเรกทำแล้วเปลี่ยนให้เป็นงานที่ทำเงิน

งานอดิเรกที่ชื่นชอบจะช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาที่ขาดหายไปจากการฝืนทำงานประจำที่ไม่รักไม่ชอบได้ เหมือนเป็นการได้บำบัดจิตใจที่ต้องอดทน กดดันอยู่กับสิ่งที่ต้องฝืนทำมาตลอดสัปดาห์ ตลอดเดือน และตลอดหลายปีได้ โดยอาจมองหาจากสิ่งที่สนใจ เช่น การวาดรูป การอ่านหนังสือ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปสู่การทำรายได้จากงานอดิเรก เพื่อปูแนวทางให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่รักต่อไปในอนาคต เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่สามารถทำเงินได้จากงานอดิเรกที่ชอบ ความสุขทางใจ-กายจะตามมา จากรายได้และการค้นพบเป้าหมายของการทำงานอย่างมีความสุข จนสามารถลาออกจากงานมาทำงานที่รักได้แบบไม่รู้สึกว่าทำงานได้ด้วย

5. ทำงานให้น้อยลงและสนุกกับชีวิตให้มากขึ้น

จงจดจำให้ขึ้นใจว่าถ้าเราเป็นลูกจ้างที่ทำประโยชน์ให้นายจ้างได้อยู่ เขาก็ยังจะจ้างงานเราต่อไป แต่ถ้าเมื่อใดเราไร้ประโยชน์เขาก็จะไม่เก็บเราไว้ และสามารถหาคนใหม่มาทดแทนเราได้เช่นกัน ในฐานะลูกจ้างควรทำงานให้เต็มที่และเหมาะสมต่อเวลาตามที่เขาจ้างมา เพราะต่อให้ทุ่มเทมากกว่าที่เขาจ้างก็คงเป็นได้แค่พนักงานดีเด่นที่ยังเป็นลูกจ้างเขาต่อไป ไม่มีวันเป็นเจ้าของกิจการในงานที่รับจ้างทำอยู่ได้ หากเราเป็นนายตัวเองทำธุรกิจการงานกิจการของตัวเอง การเรียนรู้ในสิ่งที่เราทำไม่ได้ ไม่ถนัดไม่มีความรู้ เพียงเพื่อต้องการจะประหยัดต้นทุนในการไปว่าจ้างคนที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ มาช่วยงาน คือการเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์และไม่เกิดประโยชน์ผลดีอันใดที่ทำแบบนั้น

ทางที่ดีควรปล่อยวางงานที่ไม่รู้ให้ผู้รู้ได้ช่วยงาน แล้วเอาเวลาไปบริหารกิจการในด้านที่ถนัดจะดีกว่า เพื่อจะได้ลดเวลาการทำงานลงไป ได้ชีวิตให้ครบด้าน มีเวลาออกกำลังกาย ดูแลตัวเองและครอบครัว อยู่ในสมดุลที่มีความสุขบนความสามารถในการทำงานที่สมดุล เพราะชีวิตคนเราก็ควรเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่จะมุ่งทำงานอย่างเดียว   


ลงมือทำให้เสร็จ พิชิตความสำเร็จด้วย “กฎ 2 นาที” 

Soft Skills ทักษะที่คนทำงานยุคนี้ต้องมี


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะยิ่งนับวัน การคืบคลานเข้ามาของสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลายภาคส่วน…
pin
764 | 07/02/2024
‘เวียดนาม’ โตไวในธุรกิจรักษ์โลก ไทยอยู่อันดับเท่าไหร่ในตลาดอาเซียน

‘เวียดนาม’ โตไวในธุรกิจรักษ์โลก ไทยอยู่อันดับเท่าไหร่ในตลาดอาเซียน

จากข้อมูลโดย ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (sdgmove)  ระบุว่า เดือนเมษายน ปี 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามเผยแพร่ยุทธศาสตร์ชาติ…
pin
10639 | 26/10/2023
#กินเจ2566 เช็ค 8 สถานที่ใกล้ตัว งาน‘เทศกาลกินเจ 2566’ อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้บุญ

#กินเจ2566 เช็ค 8 สถานที่ใกล้ตัว งาน‘เทศกาลกินเจ 2566’ อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้บุญ

ช่วงเวลาของสายบุญ ที่จะเวียนมาปีละครั้ง สำหรับเทศกาลกินเจ หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก ตามประเพณีแบบลัทธิเต๋า รวม 9 วัน โดยกำหนดวันตามจันทรคติ…
pin
13140 | 03/10/2023
5 วิธีปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีของวัยทำงาน