ทุเรียนเป็นผลไม้เศรษฐกิจอีกชนิดที่เกษตรกรในปัจจุบันให้ความสนใจปลูกกันมาก
ซึ่งโดยปกติสภาพอาการที่เหมาะสมสำหรับทุเรียน คืออากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วงประมาณ
25-30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศประมาณ 75-85% ถ้าปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศแห้งแล้งมีอากาศร้อนจัดเย็นจัด
และมีลมแรงจะพบปัญหาใบไหม้หรือใบร่วง ต้นทุเรียนไม่เจริญเติบโตหรือเติบโตช้า ให้ผลผลิตช้าและน้อยไม่คุ้มต่อการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ดินและน้ำก็เป็นตัวแปรสำคัญในการเจริญเติบโตและรสชาติของทุเรียน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะให้ผลผลิตที่แตกต่างกันทั้งในด้านปริมาณและรสชาติ เห็นได้จากสายพันธุ์ทุเรียนในประเทศไทยที่มีหลากหลายและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ที่สำคัญไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่ในประเทศเพื่อนบ้านไทยหลายๆ ประเทศก็มีการนิยมปลูกทุเรียนเชิงการค้ามากขึ้น อย่างกรณีล่าสุดที่ สปป.ลาว ที่เรากำลังจะกล่าวถึงในที่นี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยในปัจจุบันรัฐบาล สปป. ลาว ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรแบบยั่งยืน
และมีการส่งเสริมการปลูกทุเรียนมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนและประเทศชาติ โดยในอนาคตคาดว่า
สปป. ลาว จะส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศเช่นกัน
โดยมีจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกรองรับ ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่ทำให้การส่งออกทุเรียนของ
สปป. ลาวเติบโต เนื่องจาก สปป. ลาว มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ โดย เช่น จีน อิตาลี นิวซีแลนด์
ญี่ปุ่น อินเดีย
ที่ผ่านมามีบริษัทใน สปป.ลาว
ได้ลงทุนปลูกกล้วยบนเนื้อที่ประมาณ 1,875 ไร่ในแขวงบอลิคำไซ เพื่อส่งออกไปจีน ซึ่งได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจ
แต่ในปี 2562 ราคากล้วยในตลาดมีแนวโน้มลดลง
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 จึงหันมาปลูกทุเรียนและขนุนแทน
เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีความต้องการค่อนข้างสูง
และให้รายได้มั่นคงแม้ว่าจะใช้เวลาปลูกหลายปีก็ตาม
โดยใช้พื้นที่เดิมที่ใช้ปลูกกล้วยมาปลูกทุเรียนทดแทน โดยคาดว่า สปป.ลาว จะสามารถส่งออกทุเรียนได้ในปี
2567 ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วการปลูกทุเรียนจะใช้เวลาอย่างน้อย 4–5 ปี
ทั้งนี้ จากสถิติของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าภาคใต้และภาคตะวันออกของไทยเป็นพื้นที่ปลูกทุเรียนที่สำคัญของประเทศ
โดยที่ผ่านมาชาวสวนทุเรียนต่างมีรายได้ที่ดีจากการขายผลทุเรียน
ด้วยเหตุนี้ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผลผลิตภายในประเทศจึงเพิ่มขึ้นกว่า 20% ต่อปี
ขณะเดียวกันมีการขยายพื้นที่ปลุกทุเรียนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเช่นกัน
ประเด็นนี้อาจส่งผลต่ออนาคตทุเรียนไทยซึ่งมีผลผลิตมากขึ้น
ขณะที่ตลาดและคู่แข่งก็เกิดใหม่ขึ้นตามมาด้วย อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา
และล่าสุด สปป.ลาว ซึ่งจะเกิดการแข่งขันในด้านราคาในอนาคต ดังนั้น
ผู้ผลิตไทยอาจจะต้องปรับปรุงคุณภาพ
และสายพันธุ์ให้มีมาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดของทุเรียน Made in Thailand มากขึ้น
รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่รูปแบบ E-commerce ซึ่งช่วยให้มูลค่าการส่งออกผลไม้ของไทยไปจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย