ตลาดบริโภคจีนกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งภายหลังสามารถรับมือโรคระบาดโควิด
19 อยู่หมัด ทำให้ตลาดกลับมาเปิดทำการค้าขายคึกคักเหมือนปกติ
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าหรู หรือ Luxury Brands เติบโตเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์หรูเป็นพิเศษ
ซึ่งปี 2564 มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวในประเทศจะเพิ่มขึ้น 48% หรือคิดมูลค่า 346,000 ล้านหยวน (1.5 ล้านล้านบาท)
โดยในปี 2563 ส่วนแบ่งตลาดของจีนเติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าจาก 11% มาเป็น 20% เมื่อเทียบกับตลาดระดับโลกเติบโตลดลง 23% ในปี 2563 ทำให้คาดว่าภายในปี 2568 ประเทศจีนจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในโลก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาด Luxury ในจีนเติบโตอย่างเนื่องมากจาก 4 ปัจจัยหลัก
ประกอบด้วย
1. รายได้หมุนเวียนในประเทศ : เป็นผลมาจากการใช้จ่ายภายในประเทศ
รวมถึงการเอาจริงในการควบคุมตลาด Gray ที่เข้มงวดขึ้น และราคาสินค้าแบรนด์อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
อีกทั้งมาตรการจำกัดการเดินทางในช่วงวิกฤติโรคระบาด ทำให้ตลาด Luxury ภายในประเทศมีมากขึ้นถึง 70%-75%
โดยมีอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันไปในแต่ละหมวดหมู่สินค้า
2. กลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z : ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในตลาด
Luxury โดยกลุ่มมิลเลนเนียลในประเทศจีน
เป็นกลุ่มที่เกิดระหว่างปี 2523-2538 และกลุ่ม Gen Z ในจีนเป็นกลุ่มที่เกิดหลังปี
2538 ส่งผลให้แบรนด์ปรับตัวไปสู่ดิจิทัลมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มดังกล่าว
โดยเน้น “การตามหาแฟชั่นที่ใช่” สินค้าดีไซเนอร์จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์
โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์
3. การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล : กลุ่มมิลเลนเนียลและ
Gen Z เน้นธุรกิจออนไลน์ ประกอบกับธุรกิจ e-Commerce
ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 23% ในปี 2563 อีกทั้งการระบาดของ COVID-19 ทำให้ยอดขายสินค้า Luxury บนออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง
150% โดยเฉพาะในหมวดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่เติบโตถึง 100% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี
2563
4. การเปิดพื้นที่สินค้าปลอดภาษี :
โดยเฉพาะในมณฑลไห่หนานที่มีโซนพื้นที่สินค้าปลอดภาษี ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นจากมาตรการจำกัดการท่องเที่ยวในช่วงวิกฤติโรคระบาด
และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของจีน ส่งผลให้ยอดขายสินค้าปลอดภาษีในมณฑลไห่หนานเพิ่มสูงถึง
98% เมื่อเทียบกับปี 2562
การค้าโลกจะกลับมาสู่ภาวะปกติก่อนปี
2565-2566
จาการวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจากจีนและต่างชาติมองไปในทิศทางเดียวกันว่า
การค้าโลกน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติก่อนปี 2565-2566 แต่กระนั้นผู้บริโภคชาวจีนจะยังคงระมัดระวังการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
แม้หลายประเทศเปิดน่านฟ้าให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามปกติอีกครั้ง
ซึ่งกลายเป็นปัจจัยบวกผลักดันให้แบรนด์สินค้า
Luxury กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกครั้งในช่วงปี
2564 ประมาณ 30% ทั้งค้าขายผ่านออฟไลน์และออนไลน์
โดยเฉพาะออนไลน์เฟื่องฟูเป็นพิเศษ ทำให้หลากหลายแบรนด์ชั้นนำของโลกและจีนต่างก็มุ่งให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ตลอดทั้งส่งสินค้าแบรนด์แนมเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สำคัญๆ ของจีน เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของกลุ่มผู้บริโภค
โอกาสไทยเจาะตลาดกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z
การกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของตลาดจีนไม่เพียงแต่แบรนด์สินค้า
Luxury เร่งยกระดับแบรนด์ โดยเน้นคุณภาพและการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ
น้อยๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการส่วนร่วมกับผู้บริโภคเท่านั้น คุณสมบัติที่แบรนด์ยังขาดในช่วงแรกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลก็ให้ความสำคัญยิ่งยวด
โดยแบรนด์สินค้า Luxury ต่างก็มุ่งเน้นใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางการทำการตลาดยุคใหม่
ไม่ใช่ช่องทางการขายแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยสร้างแบรนด์การรับรู้แก่ผู้บริโภค สร้างคุณค่าและเพิ่มกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ
ตรงกับความต้องการ
การทำตลาดแนวใหม่ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้า
Luxury มีโอกาสที่จะเข้าไปสอดแทรกตลาดจีนได้ไม่น้อย โดยใช้ช่องทาง
อี-คอมเมิร์ซ ของจีนในการสร้างแบรนด์
และเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
และคาดหวังกับคุณภาพและการให้บริการมากกว่าในเรื่องของราคา
ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจ Luxury และลดความเสี่ยงของตลาดในประเทศไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
นี่คือโอกาสของผู้ประกอบการไทย เมื่อแบรนด์สินค้า Luxury ยังคงเติบโตต่อเนื่องและสวนกระแสตลาดโลกซบเซา ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้อีคอมเมิร์ซ ป็นช่องทางเจาะตลาดจีนได้ดีที่สุด
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<