ไวรัสโควิด 19 ทำให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนหันไปซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น นับเป็น New Normal ใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ด้วยเหตุนี้รัฐบาลรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จึงตัดสินใจที่จะรองรับแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดออนไลน์ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อไป โดยเมื่อปีที่ผ่านมาประกาศเตรียมเปิดเขตการค้าเสรีใหม่สำหรับการค้าอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ มีชื่อว่า ‘Dubai CommerCity’ ซึ่งจะเป็นฐานสำหรับผู้ค้าออนไลน์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Dubai CommerCity มีมูลค่าการลงทุนโครงการประมาณ
874 ล้านเหรียญสหรัฐ บนพื้นที่รวม 2.1 ล้านตารางฟุต ตั้งอยู่ในเขต Umm
Ramool ใกล้กับสนามบินนานาชาติดูไบและคาร์โก้เอมิเรตส์ โดยความคืบหน้าการก่อสร้างเขตการค้าพิเศษโครงการ
Dubai CommerCity ขณะนี้เฟสแรกเสร็จแล้ว 100%
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประกอบด้วยพื้นที่สํานักงานและคลังสินค้าขนาด
470,000 ตารางฟุต ของกลุ่มโลจิสติกส์และธุรกิจ พร้อมอํานวยความสะดวกให้กับธุรกิจและนักลงทุนในการสร้างฐานการค้าออนไลน์ในยูเออี
สำหรับการเปิดตัวเฟสแรกแบ่งพื้นที่ออกเป็น
320,000 ตารางฟุต สำหรับส่วนสํานักงานในคลัสเตอร์ธุรกิจ
รวมถึงส่วนโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce Logistics) และคลังสินค้าบนพื้นที่ขนาด 150,000 ตารางฟุต ซึ่งบริหารจัดการโดยบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่
ได้แก่ บริษัท Hellmann Worldwide Logistics และ DHL ที่ให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์สมัยใหม่แบบครบวงจร ทำหน้าที่ประสานภารกิจต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์เข้าด้วยกัน ตั้งแต่การบรรจุหีบห่อ การติดฉลากสินค้า
การจัดส่งสินค้า และการกระจายสินค้า
เป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร)
ขนส่งระหว่างประเทศ และพิธีการศุลกากร
โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งที่จะเข้ามาทำสัญญาใช้พื้นที่
โดยมีกลุ่มผู้ค้าปลีก เช่น ร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เป็นต้น ซึ่งลูกค้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าที่ใช้ระบบ AI อัตโนมัติ
รวมทั้งยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการอีกด้วย
อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว
Sheikh Ahmed bin Saeed Al Maktoum ประธานกรรมการ Airport Free Zone Authority (Dafza) เผยว่าภายในปี 2565 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคตะวันออกกลาง
แอฟริกาและเอเชียใต้ (MEASA) จะมีมูลค่า 148.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) สำหรับประเทศยูเออีนั้นมีการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับที่สองในกลุ่ม
GCC และได้รับการจัดอันดับตลาดอีคอมเมิร์ซรูปแบบ Business
to Consumer : B2C ใหญ่เป็นอันดับ
5 ในภูมิภาค MEASA มีมูลค่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และบริษัทอีคอมเมิร์ซของยูเออีมีสัดส่วนคิดเป็น 6% จากบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่
100 บริษัทในภูมิภาค MEASA
‘โควิด’ ฉุดธุรกิจอีคอมเมิร์ซไม่อยู่
การเปิดตัวเฟสแรกของ Dubai CommerCity นับว่าเป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้ แม้ว่าสถานการณ์ทั่วโลกจะมีความท้าทายที่เกิดจากการระบาดของโควิด
19
ซึ่งเมืองดูไบเล็งเห็นถึงความจําเป็นเร่งด่วนในการสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก
เพื่อดึงดูดบริษัทที่ต้องการขยายตลาดในภูมิภาคนี้ โดยจัดตั้งสํานักงานใหญ่ในเขตอุตสาหกรรมใหม่แห่งนี้
เพื่อให้ทันกับการเติบโตที่สําคัญในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
Dubai CommerCity คือเขตสินค้า
Free Zone
แห่งเดียวในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ
มีการอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่จะเข้ามาใช้บริการตั้งแต่เริ่มต้น
ทำให้ผู้ประกอบการต่างชาติสามารถเข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในดูไบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ดังนั้นโครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซของไทย
โดยเฉพาะ e-Commerce
Platform และบริษัทไทยที่มีการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ของตนเองอยู่แล้ว
โดยต้องการขยายการให้บริการมายังตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ