“สิงคโปร์” เป็นประเทศที่อัตราการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซระดับชั้นนำในอาเซียน
ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางการค้าระบบอีคอมเมิร์ซในอาเซียน
ในปี 2563 ที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซสิงคโปร์มีมูลค่าถึง 6,024 ล้านบาท หรือประมาณ 1.8 แสนล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ที่มีมูลค่าตลาดนี้ประมาณ 4,906 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท
ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซสิงคโปร์เติบโตได้มากนั่นคือ การส่งเสริมของรัฐบาลเพื่อผลักดันให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซ จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีทุกด้านที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ยกตัวอย่างเช่น “ระบบการโอนเงินทันที” หรือ PayNow ซึ่งระบบนี้เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายมากในสิงคโปร์ โดยเฉพาะการเงินทั้งระหว่างบุคคลหรือระหว่างนิติบุคคล ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถโอนเงินให้ผู้รับอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวหรือรหัสส่วนตัว ที่ดำเนินการผ่านระบบ PayNow หรือถ้าเป็นนิติบุคคลอาจจะใช้หมายเลข Unique Entity Number หรือ UEN
ในปี 2563 ธุรกรรมทางการเงินของสิงคโปร์ที่ดำเนินการผ่านระบบ PayNow มีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 90,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 400% จากปี 2562
นอกจากการพัฒนาภายในแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้มุ่งสร้างความร่วมมือ เพื่อยกระดับการให้บริการด้านการเงินสนับสนุนการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ หรือ Monetary Authority of Singapore (MAS) ได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดตัวระบบโอนเงินระหว่างประเทศซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแอพลิเคชั่น PayNow ของสิงคโปร์และไทย
ความร่วมมือนี้ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบการเงินระหว่างประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้บริการเพียงแค่ใช้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับโอน ระบุจำนวนเงินที่ต้องการจะโอน ก็สามารถทำธุรกรรมได้เพียงไม่กี่นาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 วัน และใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออาจจะเรียกระบบนี้ว่า Real Time Payment System
ซึ่งช่วงแรกของการบริการทั้งสองประเทศจำกัดการโอนเงินต่อบัญชีไว้ที่ 1,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 25,000 บาทและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม 3-5% ของจำนวนเงินในการโอน
ทั้งนี้ปัจจุบันมีธนาคารของไทย อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ส่วนธนาคารของสิงคโปร์ อาทิ ธนาคาร DBS Bank, United Overseas Bank และOversea Chinese Bank และภายหลังจากโครงการความร่วมมือนี้ ทางไทยและสิงคโปร์ยังมีแผนขยายความร่วมมือเพื่อขยายเครือข่ายการเชื่อมโยงระบบการโอนเงินลักษณะคล้ายกันนี้ ไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น
รวมถึงจะเพิ่มจำนวนธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วม และขยายวงเงินการโอนให้มากขึ้น เพื่อให้การทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเหล่านี้สะดวกมากขึ้น
ไม่เพียงเฉพาะสร้างความร่วมมือกับไทยเท่านั้น แต่รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้มีการสร้างความร่วมมือกับธนาคารกลางแห่งกานา ธนาคารกลางแห่งฮังการี รวมถึงฟิลิปปินส์ และโปรแกรมการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงหนุนให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องในการทำธุรกรรมผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะการทำการค้าอีคอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน หรือ Cross Border E- Commerce ให้ขยายตัวได้รวดเร็วมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์