Viral Marketing ทำแบบไหน? ใช้อย่างไร? เพื่อมัดใจผู้บริโภค
ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง (Viral Marketing)
คือการตลาดแบบปากต่อปาก โดยเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงในการบอกต่อเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์
ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งในอดีตผู้บริโภคจะบอกกันไปเรื่อยๆ
แบบปากต่อปากเมื่อพบว่าสินค้าชิ้นนั้นคุ้มค่าและได้ผลดีจริง
ปัจจุบัน Viral Marketing เป็นการทำการตลาดโดยใช้สื่อ Social Media เพื่อเผยแพร่และกระจาย เช่น เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ยูทูบ เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
รวมถึงบรรลุวัตถุประสงค์ด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ช่วยสร้างยอดขาย ซึ่ง ‘ไวรัล
มาร์เก็ตติ้ง’ เปรียบเสมือนกับกระบวนการแพร่ไวรัส
แต่เป็นลักษณะของการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก (Word of Mouth)
รูปแบบการทำการตลาดแบบ Viral Marketing
- Video Clips
- Interactive Flash Games
- Advergames
- eBooks
- Images
- Text Messages
โดยที่เห็นกันอย่างแพร่หลายและมีอิทธิพลต่อคนไทย
ส่วนใหญ่จะเป็น Video Clips ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
โดยอาศัยความรู้สึกและประสบการณ์จริงของคนในสังคม ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้คลิปวิดีโอนั้นๆ
มีความน่าสนใจและถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว
ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ Viral Marketing ประสบความสำเร็จก็คือ
การทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือในสิ่งที่ต้องการจะสื่อและอยากแชร์บอกต่อให้คนอื่นรู้
สิ่งนั้นจึงจะถูกแพร่กระจายส่งต่อไปยังบุคคลรอบข้างอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลมีเดีย
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกระแสของ Viral มีดังนี้
1. สร้างสตอรี (ก่อ Drama)
การจะทำการตลาดแบบ Viral
Marketing จะต้องรู้ว่าต้องการที่จะสื่ออะไรออกมาให้ผู้คนได้รับรู้
ซึ่งสิ่งแรกที่จำเป็นก็คือ เรื่องราวที่กินใจผู้ชม เป็นเรื่องราวที่ใส่อารมณ์และความรู้สึก
เพื่อให้เกิดอารมณ์คล้อยตามเนื้อเรื่องนั้นๆ อย่างหนักหน่วง
2. ทำให้คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง
หลักการในข้อนี้เป็นหลักการที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างสูง
คือต้องสร้างความแตกต่าง และแปลกใหม่ที่มีแรงดึงดูดผู้ชมให้สนใจสิ่งที่จะนำเสนอ
3. ไม่ทำให้เป็นการโฆษณา
ส่วนใหญ่อะไรที่เป็น Viral มักเป็นของดีจึงบอกต่อ ถ้าผู้ชมพึงพอใจกับสิ่งที่เห็นจะมีการแบ่งปัน
และบอกต่อๆ กันไป แต่ถ้าผู้ชมสัมผัสได้ว่าเป็นการโฆษณาสินค้าหรือบริการมากเกินไป
อาจทำให้ความน่าสนใจต่อสิ่งนั้นๆ ลดน้อยลงได้
4. สร้างความต่อเนื่อง
เพื่อไม่ให้กระแสที่สร้างขึ้นมานั้น เกิดและดับไปอย่างรวดเร็ว
จำเป็นต้องสร้างความต่อเนื่อง
เพื่อให้เป็นการกระตุ้นความสนใจจากเชื้อไฟที่จุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเป็นการแบ่งรอบเป็นหลายๆ
ตอน เพื่อให้ผู้ชมมีโอกาสได้แบ่งปัน และบอกต่อเรื่องนั้นๆ มากกว่าครั้งเดียว
5. ทำให้แชร์ต่อได้ง่าย
การสร้างความสะดวกในการ
Share ให้กับผู้อื่นภายในระบบ Social Network ได้รับรู้นั้น
จะต้องใส่ปุ่ม Social Network เข้าไปในจุดที่สังเกตได้ง่าย
เช่น ปุ่ม Like, Tweet, +1 เป็นต้น
6. สร้าง Viral ด้วยการคอมเมนต์
การจะสร้าง Viral
Marketing ควรเป็นกึ่งคำถามที่ก่อให้เกิดการโต้ตอบเป็น 2
Ways Communication เพื่อกระตุ้นการรับรู้และการแสดงความคิดเห็น
ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสนใจจากผู้ชม เพื่อเป็นประเด็นในการสื่อถึง Social
คนอื่นๆ ต่อไป
7. ไม่ควรสร้างเงื่อนไข
การที่จะทำให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก ไม่ควรสร้างเงื่อนไขที่มากมาย
เพราะจะทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกว่าการบอกต่อเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
น่ารำคาญจนเลิกล้มความคิดที่จะแบ่งปันและบอกต่อ
ซึ่งเป็นการตัดโอกาสความสำเร็จของการทำการตลาดแบบ Viral Marketing
ข้อดีของ Viral Marketing
- ใช้ต้นทุนในการผลิตน้อย
- กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
- เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากกว่าและตรงกลุ่มเป้าหมาย
- มีอิสระทางความคิดและเผยแพร่ข้อมูลในสิ่งที่ต้องการได้
ข้อเสียของ Viral Marketing
- มาเร็วและไปเร็ว
- หากมีข้อผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และแบรนด์อย่างรวดเร็ว
สำหรับไอเดียในการทำแคมเปญ
Viral Marketing ต้องอาศัยองค์ประกอบอีกหลายอย่างเช่น การสร้างกระแสให้ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
แคมเปญไม่ซ้ำใคร หรืออาจมีคนเคยทำไปเมื่อนานมาแล้วนำมาปัดฝุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังรวมถึงการวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของคนไทยควบคู่ไปด้วย
Viral
Marketing มีประโยชน์กับภาคธุรกิจในฐานะเครื่องมือแพร่กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์และสินค้ามากกว่าโฆษณารูปแบบอื่น
เพราะเกิดจากการบอกต่อของผู้ใช้สินค้าตัวจริง
นอกจากนี้ยังเน้นอาศัยความคิดสร้างสรรค์และทักษะการสื่อสารเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ Viral Marketing ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม
หากผู้ใช้เผยแพร่ในสิ่งที่ไม่เหมาะสม - เกิดความผิดพลาด ก็อาจสร้างกระแสแง่ลบให้เกิดขึ้นกับแบรนด์และสินค้าได้เช่นกัน