เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ โลจิสติกส์ครบวงจรแบรนด์ไทย พัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มทางเลือกให้อุตสาหกรรมผลิต

หากย้อนไป 10 กว่าปีที่ผ่านมา คำว่า ‘ธุรกิจผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์’ ตามบริบทของอุตสาหกรรมไทย อาจเป็นเพียงกิจกรรมในบางแง่มุมเท่านั้น อาทิ การขนส่ง บริการคลังสินค้า จัดเก็บเพื่อกระจายสินค้า การบรรจุหีบห่อ เป็นต้น

ขณะที่ผู้ให้บริการในลักษณะโลจิสติกส์ครบวงจร หรือที่เรียกว่า 3PL (Third Party Logistics Service Provider) ทั้งหมด เป็นบริษัทข้ามชาติระดับโลก ที่เข้ามาลงทุนตั้งสาขาธุรกิจในไทยเพื่อให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ ‘บุคคลที่สาม’ ความหมายคือนำ Know How และเทคโนโลยีการจัดการต่าง ๆ เข้ามาเพื่อควบคุมโดยระบบ แต่ยังใช้ทรัพยากรและบุคลากรส่วนใหญ่ในประเทศ

โดยจ้างธุรกิจท้องถิ่นลักษณะผู้รับเหมาช่วง (Sub-contract) จากตรงนี้ จะเห็นว่าธุรกิจโลจิสติกส์ข้ามชาติไม่ใช่ผู้ให้บริการโดยตรงแก่ลูกค้า 

เหตุนี้ แม้ภาพของตลาดโลจิสติกส์ในประเทศ หรือทั่วโลก เป็นตลาดที่แข่งขันโดยผู้เล่นรายใหญ่ที่มี Know How และเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง องค์ความรู้ที่สั่งสมไว้มากพอ ต้นทุนทางเทคโนโลยีเริ่มถูกลง ประกอบกับความเข้าใจตลาดในฐานะผู้ให้บริการตัวจริงแก่ลูกค้า จึงไม่แปลก หากวันนี้จะมีบริษัทของคนไทย ที่มีความสามารถเพียงพอในการแข่งขัน ในตลาดที่มีแต่โลจิสติกส์ต่างชาติรายใหญ่รายล้อมอยู่เต็มไปหมด  

แนวคิดธุรกิจของ คุณพีระ ทวีชาติ กรรมการ บริษัท ทีทีวี ซัพพลายเชน จำกัด อดีตผู้บริหารธุรกิจผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ Big Four ของโลก (DHL) ที่เห็นศักยภาพและโอกาสในการดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน โดยก่อตั้งธุรกิจ บริษัท ทีทีวี ซัพพลายเชน จำกัด ขึ้นเมื่อปี 2553 ชูจุดแข็งและศักยภาพของธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์คนไทยที่เน้นตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และมีประสิทธิภาพสูง โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตยานยนต์เป็นลูกค้าหลักเป็น

คุณพีระ ยอมรับว่า ช่วงเริ่มต้น Knowledge ส่วนใหญ่ได้จากการเรียนรู้และดัดแปลงมาจากธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์และชัพพลายเชนระดับโลก จึงนำจุดแข็งของผู้ให้บริการท้องถิ่นที่เข้าใจบริบทของอุตสาหกรรมผลิตและบริการ มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งธุรกิจโลจิสติกส์ข้ามชาติ โดยมีรูปแบบการให้บริการ  อาทิ 

อินแลนด์ ทรานส์สปอร์ต บริการด้านโลจิสติกส์ตั้งแต่สินค้าอยู่บนเรือจนถึงท่าเรือ หรือสินค้าที่เข้าประเทศผ่านการขนส่งทางเรือ ตั้งแต่บริการลากตู้คอนเทนเนอร์ ตลอดจนการขนส่งที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 

บริหารจัดการคลังสินค้า ทั้งรูปแบบคลังสินค้าทั่วไป และคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone)

Value-Added Services (VAS) บริการสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการมากกว่าทั่วไป เช่น บริการด้านบรรจุภัณฑ์ การบรรจุสินค้าเพื่อส่งออก มีบริการออกแบบ และบรรจุภัณฑ์ของบริษัทจำหน่ายด้วย 

อินแพลนโลจิสติกส์  บริการวางแผนและจัดการด้านโลจิสติกส์ เน้นการจัดการวัตถุดิบ และระบบจัดการหลังบ้าน คลังสินค้าต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าแบบครบวงจร เช่น Inbound 2 Manufacturing (I2M) บริหารจัดการวัตถุดิบ ชิ้นส่วน อะไหล่ ให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ 

คุณพีระ บอกว่า การให้เราดูแลเรื่องโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนต่าง ๆ เพื่อลูกค้าจะได้ทำในสิ่งที่ถนัด นั่นคือการผลิต ขณะที่เราเป็นผู้ซัพพลายชิ้นส่วน และวัตถุดิบเพื่อประกอบเป็นรถยนต์ทั้งหมด จากผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ และส่วนประกอบ ให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง 

จะเห็นว่า ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการจัดการตามลำดับความต้องการผลิต ทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ง่าย สะดวก ลดต้นทุน และสามารถควบคุมความคลาดเคลื่อน (Margin of Error) ในการผลิตเป็นศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่อยู่ในตลาดมานาน ทำให้ต้องวิเคราะห์ จุดแข็ง และจุดอ่อนของคู่แข่ง ซึ่งการใช้บริการแพลตฟอร์มผู้ให้บริการรายใหญ่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ข้อดี คือมาตรฐานที่ค่อนข้างเสถียร แต่มีข้อจำกัดเรื่องความยืดหยุ่น และต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง แต่บริบทของอุตสาหกรรมในไทย ลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการแตกต่างกัน เมื่อ ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้ ทำให้ คุณพีระ มองเห็นช่องว่างและโอกาสทางธุรกิจ แม้จะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ จึงได้มีการพัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ ด้วย ERP (Enterprise Resource Planning) ซอฟท์แวร์สำหรับวางแผนการจัดการขึ้นเอง โดยมีรูปแบบคล้ายกับระบบ ERP ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก แต่มีหน่วยที่เล็กว่า (Module) ใช้งานได้หลากหลายกว่า อาทิ  ERP HR Module, ERP Accounting Module, DSCM Module ระบบ GMS  Transport Tracking ซึ่งทุกอย่างจะอยู่ในซับ Module ที่พัฒนาขึ้นเอง 

ระบบ ERP ของ ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ มีความยืดหยุ่นสูง คือ สามารถบริหารจัดการตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ และยังถ่ายโอนข้อมูลระหว่างระบบ ERP ของรายอื่น ๆ ได้ รวมถึงมีทีมผู้เชี่ยวชาญ พัฒนางานด้านนี้มายาวนาน จึงสามารถทำในสิ่งที่ผู้ให้บริการรายใหญ่ทำไม่ได้ หรือไม่คุ้มที่จะทำ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินการต่างกัน 

สิ่งเหล่านี้ สะท้อนว่า ผู้ประกอบการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนขนาดเล็ก มีข้อดีที่ ‘ความยืดหยุ่น’ ด้านการให้บริการมากกว่ารายใหญ่ สามารถตรวจสอบขั้นตอน และดำเนินการผ่านสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบคลาวด์  สะดวกและง่ายต่อการจัดการ เป็นจุดแข็งของธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าสนใจและเลือกใช้บริการ

ด้านการให้บริการของ ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’  เป็นรูปแบบ 3PL (Third Party Logistics) โดยทั่วไปหมายถึงการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครบวงจร เช่น ขนส่ง คลังสินค้าเพื่อจัดเก็บ กระจายสินค้า บริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการบรรจุหีบห่อ โดยเราพยายามไปให้ถึงการให้บริการลักษณะ 4PL (Fourth-Party Logistics) ที่บริษัทเป็นคนกลางในการเชื่อมต่อประสานงาน และบริหารจัดการทุกห่วงโซ่อุปทานก่อนสินค้าถึงมือลูกค้า พร้อมใช้ทรัพยากรของพาร์ทเนอร์ ตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น 

ปัจจุบัน ‘ทีทีวี ซัพพลายเชน’ มีพาร์ทเนอร์เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจขนส่งโดยรถบรรทุกขนาดต่าง ๆ ให้บริการประมาณ 400 คัน จุดเด่น คือ สามารถบริหารจัดการเที่ยวรถให้คุ้มค่า มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถวิ่งรับส่งสินค้าได้ประมาณคันละ 5 เที่ยวต่อวัน 

เคล็ดลับสำคัญของการบริหารจัดการของธุรกิจผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ไม่เพียงมุ่งแก้ปัญหาให้ลูกค้า แต่เป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ ผ่านการให้บริการที่มีความต้องการหลากหลาย และพัฒนาการจัดการด้านซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 

คุณพีระ วิเคราะห์ว่า การพัฒนาระบบจัดการคลังสินค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย ไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปจากในอดีตมากนัก เพียงแต่ปัจจุบันมีระบบซอฟต์แวร์ หรือ เทคโนโลยีเข้ามาควบคุม ทำให้กระบวนการบริหารจัดการทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น 

เราพยายามอัปเกรด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลคลังสินค้าได้อย่างรวดเร็ว จึงพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกระบบ ลูกค้าสามารถล็อกอิน เข้ามาตรวจสอบคลังสินค้าของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ หากสินค้ามีการเคลื่อนไหว จะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบข้อความ ทั้งหมดเป็นการนำสิ่งที่มีอยู่มาประยุกต์เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น 

คุณพีระ กล่าวว่า บริษัทมุ่งพัฒนาระบบเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตไทยมากว่า 10 ปี ในแง่การจัดการพนักงานเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ระบบไอทีเป็นแพลตฟอร์มกลางภายในบริษัท ทำให้ทุกแผนกทำงานร่วมกันได้ รวมทั้งการให้บริการ ลูกค้าบางรายอาจมีความต้องการแบบเฉพาะ เราจึงเน้นพัฒนาทีมงานไปพร้อมการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด

ทั้งนี้ การพัฒนาส่วนต่าง ๆ อาจต้องใช้ระยะเวลาปรับเปลี่ยน ทำความเข้าใจถึงเป้าหมายร่วมกันในองค์กร อาทิ พนักงานขับรถ เราพยายามเพิ่มศักยภาพ และมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น หากส่วนไหนสามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นเทคโนโลยีระบบควบคุมแบบสองทาง มาใช้ได้ เราจะนำมาปรับใช้กับการทำงานของพนักงานขับรถที่ต้องขนส่งในระยะทางไกล ซึ่งช่วยเพิ่มเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นด้วย 

สำหรับในแง่การแข่งขัน พัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไป คุณพีระ ทิ้งท้ายว่า “Nature Talk Strategy Professionals Talk Logistics” ประโยคยอดฮิตที่สื่อได้ดีว่า โลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม  ด้วยเหตุนี้ ผู้ให้บริการระบบหลังบ้านที่เข้าใจความต้องการของเจ้าบ้านได้อย่างลึกซึ้ง มีทุกอย่างที่ลูกค้าอยากได้ ปรับตัวเร็ว ย่อมแข่งขันได้อย่างทัดเทียมกับธุรกิจข้ามชาติ และไปถึงเป้าหมายการเป็นผู้นำด้าน Digital Logistics Provider ที่ลูกค้าไว้วางใจได้