นายสุรพล ชามาตย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า แม้ว่าการผลิตและจำหน่ายยาในประเทศปี 2558 จะปรับตัวลดลง ซึ่งมีการผลิตยาอยู่ที่ราว 37,961 ตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 0.19 โดยเฉพาะยาน้ำและยาผง ส่วนการจำหน่ายยาในประเทศราว 34,478 ตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.26 แต่การส่งออกยากลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
โดยในปี 2558 มีมูลค่าส่งออกราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปีก่อน ร้อยละ 5.78 เนื่องมาจากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย โดยไทยมีส่วนแบ่งในตลาดส่งออกกว่าร้อยละ 77 มียอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การส่งออกยาที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากสินค้ายาของไทยได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ได้ส่งผลให้การส่งออกผลิตภัณฑ์ยาของไทยไปยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2559 คาดว่าการผลิตและจำหน่ายยาในประเทศและต่างประเทศ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ยาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับการนำเข้ายาในปี 2558 มีมูลค่า 1,706 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 17.17 เนื่องจากยาบางชนิดยังไม่มีชื่อยาสามัญ ซึ่งมีผลการรักษาใกล้เคียงกับยาต้นแบบมาทดแทน
สำหรับตลาดนำเข้าที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐฯ อินเดีย และอิตาลี
ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับปริมาณการใช้ยารักษาโรคที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต สศอ.จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่มีศักยภาพ หรือ Product Champion อุตสาหกรรมการผลิตยาแผนปัจจุบัน และยาสมุนไพรไว้ 6 หัวข้อดังนี้ 1.เป็นยาที่มีมูลค่าการใช้ในประเทศสูง 2.เป็นยาจำเป็นที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ หรือผลิตได้แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ 3.เป็นยาจำเป็นที่มีสัดส่วนผลกระทบต่องบประมาณด้านสุขภาพของประเทศสูง 4.เป็นยาที่สร้างเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ในแง่ของการจ้างงานและการส่งออก 5.เป็นยาในแผนการวิจัยและพัฒนาประเทศ ทั้งในส่วนขององค์การเภสัชกรรมและภาคเอกชน และ 6.เป็นยาสมุนไพรที่มีการวิจัยและพัฒนาในประเทศ รวมถึงไทยมีศักยภาพในการพัฒนาสูตรยา
“การที่ไทยได้เข้าไปเป็นสมาชิก ASEAN Listed Inspection Service ทำให้ไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ยาไปยังประเทศคู่ค้าในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากได้ผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่มีศักยภาพ หรือ Product Champion ของอุตสาหกรรมการผลิตยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร จะยิ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมยาของไทยเติบโตได้อย่างมีทิศทางที่ชัดเจนในเวทีโลกด้วยเช่นกัน” นายสุรพล กล่าวทิ้งท้าย