หลังจากที่ AEC เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นทางการผ่านมาแล้ว 3 เดือน ภาคเอกชนมีความเจริญเติบโตขึ้น แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เปิดเผยว่า อาจจะยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง จึงจะเห็นผลของการประกอบการชัดเจน
Ho Meng Kit กรรมการสภาธุรกิจสิงคโปร์ เปิดเผยว่า นักลงทุนหรือผู้ประกอบการหลายรายเคยสนใจจะลงทุนในฟิลิปปินส์และจีน แต่พบว่ามีต้นทุนที่แพงมากขึ้น ผู้ประกอบการเหล่านั้นจึงหันไปสนใจลงทุนในกัมพูชาและเวียดนามแทน อีกทั้งยังเข้าร่วมในความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ด้วยเช่นกัน
แต่ Ho Meng Kit เห็นว่าบริษัทของนักลงทุนเหล่านั้น ยังไม่เคยได้จับโครงการงานใหญ่ๆ อะไรเลย ฉะนั้นฟิลิปปินส์จึงต้องเร่งขยายโครงการต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติได้รับทราบข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปจากที่เคยได้รับทราบมา และยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเหล่านั้น ได้รับงานในโครงการใหญ่ๆ ด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถทำได้ดี และสามารถดำเนินการต่อไปได้ทันที
AEC ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2015 ที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างเศรษฐกิจแบบบูรณาการร่วมกับตลาดรวมของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 2,600 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีประชากรรวมทั้งสิ้น 622 ล้านคน
ทางด้าน Heng Swee Keat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสิงคโปร์ ได้เปิดเผยถึงเรื่องงบประมาณไว้ว่า การเกิดขึ้นของ AEC เป็นหนึ่งในหลายโอกาสที่บริษัทของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการจะเจริญเติบโตได้ คาดว่าตลาด AEC จะเติบโตขึ้นร้อยละ 6.3 ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับเรื่องตลาดทุนนั้นได้มีการเปิดตัวหลายโครงการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการปรับปรุงการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้นคือ การแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ สู่ประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้แล้วนั้น หลายประเทศมีความพึงพอใจที่ได้ใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อจะได้เข้าถึงการค้าเสรีนี้