Raditya Priamanaya Djan แห่งสมาคมผู้ประกอบการอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการวัยหนุ่มสาวชาวอินโดฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจทางทะเลมากที่สุด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเดินเรือ
เธอยังเปิดเผยอีกว่า สมาคมฯ ได้เคยจัดประชุมระดับภูมิภาคขึ้นที่จังหวัดหมู่เกาะเรียว ซึ่งมีพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนของทะเลมากถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่จังหวัด มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเดินเรือ โดยเฉพาะการประมง
ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายหนึ่งของรัฐบาล วิโดโด โจโกวิด ประธานาธิบดีอินโดฯ ยังได้กำหนดให้ภาคการประมงมีความสำคัญในอันดับต้น ๆ ของการพัฒนาธุรกิจทางทะเลของอินโดฯ อีกด้วย
ในยุค AEC นี้ อินโดฯ จะต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ควรทำแต่เรื่องเดิม ๆ เพราะจะเป็นสิ่งฉุดรั้งความก้าวหน้าได้
สมาคมผู้ประกอบการอินโดฯ จึงเน้นให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการหนุ่มสาว ที่สนใจลงทุนธุรกิจในภาคการประมงนี้ เพราะถือเป็นโอกาสอันดีที่จะนำมาสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปได้
เลขานุการของสมาคมผู้ประกอบการอินโดฯ เปิดเผยว่า ทุก ๆ ปี อินโดฯ จะสูญเสียเงิน 300 ล้านล้านรูเปีย เพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดของภาคธุรกิจทางประมงนี้ได้ ทั้งที่ควรจะเป็นภาคธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะการสูญเสียเงินมหาศาลนี้เกิดขึ้นในธุรกิจประมงผิดกฎหมายทั้งสิ้น ปัจจุบันมีเรือที่ผิดกฎหมายลอยลำอยู่ในน่านน้ำอินโดฯ ประมาณ 5,400 ลำ
กระทรวงกิจการทางทะเลและการประมงอินโดนีเซีย (KKP) จึงเร่งพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภาคการประมง เพิ่มผลผลิตของปริมาณปลาในน่านน้ำ ต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย และการจมเรือชาวต่างชาติที่รุกล้ำน่านน้ำอย่างผิดกฎหมายด้วย