ปรากฏว่า ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น ประชาชนแห่ยื่นขอกู้วงเงินเกือบเต็มแล้ว นอกจากนี้ รัฐฯ ยังให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิ์ยื่นขอกู้ด้วย เพื่อไปปลูกสร้างบ้านประชารัฐ วงเงิน 30,000 ล้านบาท
ผู้ที่ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เสนอโครงการประชารัฐให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า หากได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยใช้วงเงินลงทุนทั้ง 6 โครงการ อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
การลงทุนมี 2 รูปแบบคือ ให้เช่าที่ดินราชพัสดุในระยะยาว 30 ปี โดยเอกชนที่ต้องการมาลงทุนในโครงการของกรมฯ สามารถเสนอเงื่อนไขการลงทุนเข้ามาได้ แต่ราคาของที่อยู่อาศัยที่จะให้ประชาชนเช่าระยะยาว จะต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท มีระยะเวลาเช่า 30 ปี เท่ากับการเช่าที่ดิน
แต่มีข้อกำหนดว่า ถ้าจะสร้างเป็นคอนโดมิเนียม ห้องคอนโดจะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 24 ตารางเมตร แต่ถ้าจะสร้างเป็นบ้านแถวหรือทาวน์เฮาส์ จะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 48 ตารางเมตร มีทั้งหมด 4 แปลง ที่สามารถดำเนินการในลักษณะการเช่ายาวได้คือ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ลักษณะที่สองคือ กรมดำเนินการเอง และนำไปให้ประชาชนที่สนใจเช่า ระยะเวลา 5 ปี เมื่อพ้นกำหนด 5 ปี จะหมุนเวียนให้ผู้เช่ารายอื่นเข้ามาเช่าแทน โดยกำหนดเงื่อนไขของผู้เช่าคือ จะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาท/เดือน ค่าเช่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 4,000 บาท/เดือน และมีการปรับปรุงอัตราค่าเช่าทุก 5 ปี
ทีนี้มาดูพื้นที่จริงที่จะใช้ก่อสร้างโครงการบ้านประชารัฐ นั่นก็คือ ที่ดินที่จะสร้างเป็นคอนโดมิเนียม อยู่ที่บริเวณวัดไผ่ตัน ตรงข้ามห้างบิ๊กซีสะพานควาย ใกล้สี่แยกสะพานควาย และอีกสถานที่หนึ่งคือ บริเวณโรงกษาปณ์เก่า ย่านถนนประดิพัทธ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสี่แยกสะพายควายมากนัก