นายทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศจีนได้ประกาศว่า ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2559 ได้ปิดโรงงานผลิตเหล็กไปแล้วหลายแหล่ง ทำให้กำลังการผลิตลดลง 1.8 ล้านตัน ส่งผลให้ในภาพรวมกำลังการผลิตเหล็กจากจีนจะลดลงประมาณ 50-100 ล้านตันในปี 2559 นี้
แม้ว่าจีนจะลดกำลังการผลิตเหล็กลงแล้ว แต่เมื่อมองในภาพรวมก็ยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่อีก ซึ่งอย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาแรงกดดันในตลาดเหล็กลงได้บ้าง แต่จากการลดกำลังการผลิตเหล็กของจีน จะส่งผลให้ราคาเหล็กโดยเฉลี่ยจะกลับไปสู่ในระดับสมดุลอยู่ที่ 18-20 บาท/กิโลกรัม
นโยบายของรัฐบาลจีนที่สั่งปิดโรงงานผลิตเหล็กนั้น ส่วนใหญ่จะปิดโรงงานผลิตเหล็กที่มีสภาพเป็นโรงงานเก่า มีมลภาวะสูง และรวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ด้วย หลังจากโรงงานผลิตเหล็กเหล่านั้นถูกปิดกิจการลง มีความประสงค์จะขอย้ายเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเหล็กในไทยแทน
ดังนั้น ภาครัฐฯ ของไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดในโครงการตั้งโรงงานเหล็กจากจีนในไทย เพื่อไม่ให้เข้ามาเพิ่มกำลังกำลังการผลิตแย่งตลาดจากผู้ประกอบการไทย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไทยด้วย