คำแถลงของ The International Finance Corp (IFC) แห่งธนาคารโลก ระบุว่า อุตสาหกรรมท่าเรือเมียนมา (MIP) เป็นหนึ่งในสองอุตสาหกรรมที่สำคัญ และเป็นประตูการค้าที่มีการซื้อขายมากกว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นในทุกๆ ปี หรือเทียบเท่าปริมาณสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต (TEUs) หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณการใช้จ่ายทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
สินเชื่อก้อนโตจำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เมียนมาได้รับนี้เป็นเงินที่ IFC มอบให้ในระยะแรกก่อน จากจำนวนสินเชื่อเงินทุนทั้งหมด 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะรวมถึง 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เป็นการให้สินเชื่ออาวุโสในระยะยาว และยังมีประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมเป็นผู้ให้เงินกู้สินเชื่อนี้แก่เมียนมาอีกด้วย
นโยบายการจัดหาเงินทุนโดยการกู้สินเชื่อจากแหล่งต่าง ๆ ของเมียนมานี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจในเมียนมามีกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในใจกลางเมืองย่างกุ้งมีประสิทธิภาพอีกด้วย
แผนการปรับปรุงประสิทธิภาพอุตสาหกรรมท่าเรือ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาเศรษฐกิจเมียนมา จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีขนาด 500,000 ฟุต (TEUs) หรืออาจจะมากกว่า ให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าทางเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กัปตัน Ko Ko Htoo ประธานอุตสาหกรรมท่าเรือเมียนมา (MIP) เปิดเผยว่า "ขอบคุณที่ IFC อนุมัติสินเชี่อให้เราเพื่อการลงทุน เพราะจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มความทันสมัย และตอบสนองต่อความต้องการของสายการเดินเรือ ทั้งในและระหว่างประเทศได้"
เขาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า "นอกจากนี้ IFC ยังได้ให้คำแนะนำกับเรา ในเรื่องสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติต่อสังคม และการกำกับดูแลในสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้วย"
ผู้จัดหาเงินทุนของธนาคารโลกรายหนึ่ง ได้ตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นการลงทุนครั้งแรกในภาคการขนส่งของเมียนมา และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ เพื่อช่วยให้เมียนมาสามารถทำธุรกิจ และแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความมุ่งมั่นนี้จะช่วยปลดล็อคศักยภาพของประเทศสำหรับการค้าระหว่างประเทศที่มีเพิ่มขึ้น และเป็นภาพที่เห็นได้ชัดเจนว่า จะช่วยให้เกิดการสร้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมา”