อะเดย์ เฟรช เดลิเวอรี่ผลไม้สดรสดีด้วย LINE@ รายได้สูงถึงวันละ 60,000 บาท

การทำธุรกิจนั้น เมื่อจังหวะพอดี โอกาสที่ดีก็ย่อมเกิด เช่นเดียวกับคุณแอม - ยุทธนา เทียนธรรมชาติ ที่จบการศึกษา ทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นอดีตโปรแกรมเมอร์อยู่หลายบริษัท ก่อนที่จะลาออกมาทำกิจการในสายที่ตนเองเรียนมา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ สุดท้ายคุณยุทธนาได้นำเอาประสบการณ์ของภรรยาในการทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าผลไม้คุณภาพระดับพรีเมี่ยมจากต่างประเทศมาขาย จนพัฒนาธุรกิจเป็นตัวแทนในการจัดส่งผลไม้สดนำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยวิธีการขายออนไลน์ที่มีความ แตกต่างจากคนอื่นโดยการมีบริการเดลิเวอรี่ โดยในระยะแรกเจาะกลุ่มลูกค้าระดับสูงและต้องการนำผลไม้เป็นของกำนัล คุณยุทธนาเล่าให้ฟังว่า “เราเริ่มต้นจากเงินทุนไม่มากนัก เพราะซื้อสินค้ามาเท่าไหร่ก็จัดส่งลูกค้าให้หมด ผมใช้รถของตนเองเป็นพาหนะในการตระเวนขนส่ง ไม่มีต้นทุนในเรื่องของพนักงานส่ง โดยแรก ๆ เราแนะนำธุรกิจของอะเดย์ เฟรช ผ่านโซเชียลมีเดีย เน้นกลุ่มเป้าหมายกลางถึงบน สร้างจุดขายที่ชัดเจน 3 ประเด็นคือ 1. ผลไม้ต้องสดจริง ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี 2.มีการการันตีความพึงพอใจของลูกค้า 3.มีการกำหนดเวลาสินค้าถึงมือลูกค้า ทั้งนี้เพราะสินค้าของเราเป็นผลไม้ หากไม่ระบุเวลาถึงมือช้าไปความสดที่เราจะส่งมอบให้ลูกค้าก็ลดลง สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าได้แนะนำกันปากต่อปาก มีสัดส่วนการซื้อซ้ำสูง เราจะตั้งนโยบายการขายไว้ว่าสั่งเท่าไหร่ก็ส่ง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยยอดการสั่งซื้อในแต่ละรอบไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของเราโต นอกเหนือจากการทำการตลาดออนไลน์ ที่เป็นสื่อช่วยสร้างการรับรู้ให้คนรู้จัก เราอย่างรวดเร็ว” ปัญหาในระยะแรกของ อะเดย์ เฟรช คือเราไม่สามารถหาสินค้าให้ลูกค้าได้หลากหลายตามความต้องการ เนื่องจากยังเปิดใหม่การนำเข้าผลไม้ไม่ได้หลากหลายมากนัก ที่มีส่งส่วนใหญ่ได้แก่ส้มแซนควิท เชอรี่ แอปเปิ้ลเอนวี่ คุณยุทธนาบอกว่า “พอทำได้เดือนเดียวก็รู้ว่าต้องขยายเพราะจำนวนลูกค้าเข้ามามากเกินกว่าที่ 2 คนสามี ภรรยาจะดูแลไหว แค่ในเดือนแรกก็มียอดการสั่งซื้อก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลมาจากโซเชียลมีเดียและการบอกต่อ เพราะคนพวกนี้มีสังคมของเขา คนกลุ่มนี้ไม่ได้สั่งเพื่อรับประทานอย่างเดียว แต่เป็นการสั่งเพื่อเป็นของกำนัลผู้ใหญ่ ทำให้เพียงแค่เดือนแรกก็ต้องจ้างพนักงานเพิ่ม ทางด้านการทำการตลาดบนโซเชียลนั้น ตอนแรกนอกเหนือจากโซเชียลมีเดียแล้ว ก็มีการติดต่อลูกค้าจากไลน์ส่วนตัว ตอนนั้นยังไม่มี LINE@ จนกระทั่งเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เราเริ่มมีการใช้สื่อสารใน LINE@ โดยตอนแรกที่ยังไม่ได้ ทำการตลาดที่ LINE@ ก็มีคนทักมาแล้วกว่า 2,000 ราย แต่เมื่อมีการทำการตลาดบน LINE@ อย่างจริงจัง ก็มีสมาชิกประมาณ 7,900 ราย  ส่วนใหญ่เป็นการทักเพื่อขอข้อมูล ในแต่ละวันจะมียอดสั่งซื้อประมาณกว่า 30 ราย จะเป็น LINE@ ประมาณ 25 ราย และที่เหลือจากช่องทางอื่นๆ ตอนนี้ก็เพิ่งเปิดเว็บไซต์ จะเป็นลูกค้าประปรายประมาณ 1-2 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายเก่าอยู่แล้ว “ลูกค้าเกือบทั้งหมดอยู่บนออนไลน์ สำหรับ LINE@ กับธุรกิจของเราเหมาะที่จะนำมาใช้ทำโปรโมชั่น เรามีโปรโมชั่นหลายรูปแบบ เช่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง มีโปรโมชั่นแถมน้ำส้มถ้าซื้อวันนี้ เป็นต้น” คุณยุทธนากล่าวว่า “ทางด้านยอดรายได้ปัจจุบันโดยเฉลี่ยตกวันละ 60,000 บาท ยอดการเติบโตเมื่อปีที่ผ่านมาดีกว่าปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเริ่มมีคู่แข่ง แต่คู่แข่งก็เพิ่งเริ่มต้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาช่องทางและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง” ด้านการขยายกิจการปีนี้หวังการเติบโต 2 เท่า มีการเพิ่มผลไม้ไทยเข้าไปด้วย แต่เน้นเกรดส่งออก ต่อไปจะขยายไปใน กลุ่มของน้ำผลไม้ และกลุ่มตัดแต่ง ทั้งนี้เพราะเห็นพฤติกรรมแล้วว่าคนส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบายซื้อมาก็กินได้เลย ตอนนี้ยอดขายมากขึ้น การจัดส่งก็ใช้บริการรถมอเตอร์ไซต์ภายนอกที่ให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะ และมีรถกระบะเย็นของ ตนเอง 2 คัน ส่งรอบนอก แยกเป็น 2 ฝั่งของกรุงเทพฯ คุณยุทธนาเล่าว่า ด้านการตลาดสิ่งที่ LINE@ ช่วยมากที่สุดคือช่วยในการโปรโมชั่น เพราะส่งอะไรไปคนเห็นใน LINE@ คือ  100% และเห็นพร้อมกันทุกคน การทำโปรโมชั่นบน LINE@ จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เรื่องของการคุยโต้ตอบกับลูกค้า LINE@ ก็จะทำได้ดีกว่าสื่ออื่นๆ เช่นกัน แต่สิ่งที่เสียเปรียบคือสินค้าของอะเดย์ เฟรซ ไม่สามารถเล่นคูปองได้ ไม่เหมือนกับกิจการที่เป็นร้านค้ามีหน้าร้านจะเล่นคูปองได้ แต่การเล่นโปรโมชั่นก็สามารถกระตุ้นยอดขายให้กับอะเดย์ เฟรซได้เป็นอย่างดี