งานศิลปะ 3 มิติมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันในการวางมุมการเขียน และขนาดของชิ้นงานจริง กับขนาดชิ้นงานในการเขียนแบบ ซึ่งผู้เขียนจะต้องศึกษาถึงลักษณะของภาพ 3 มิติแต่ละประเภทต่าง ๆ ให้เข้าใจ เพื่อสามารถเขียนแบบได้อย่างถูกต้อง การเขียนภาพ 3 มิติ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทั่ว ๆ ไป
ศิลปะแบบ 3 มิตินี้ก็กำลังเป็นที่สนใจและแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน เราจะพบว่าในหลาย ๆ ประเทศมีพิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติเปิดตัวขึ้นในรูปแบบของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือแม้กระทั่งในประเทศไทย
ในความเป็นจริงแล้ว การเขียนภาพ 3 มิตินี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยมีชื่อเรียกกันว่า ศิลปะลวงตาทรอมพลุยล์ ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ลวงตา” เป็นเทคนิคการสร้างศิลปะแบบหนึ่งที่ทำให้ดูเหมือนมีความเป็นภาพ 3 มิติ แม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเป็นจิตรกรรม 2 มิติก็ตาม แต่อาศัยการเขียนให้ลวงตาและทำให้มองเห็นคล้ายกับมองของจริง
ว่ากันว่า ศิลปะแบบทรอมพลุยล์ นี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยศิลปะบาโรก แต่ก็พบว่าในความเป็นจริง การเขียนในลักษณะนี้มีมาก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ในสมัยกรีกและโรมัน ที่พบในปอมเปอี โดยการเขียนทรอมพลุยล์ส่วนใหญ่ มักจะเขียนเป็นหน้าต่าง ประตูหรือโถงทางเดิน เพื่อทำให้ห้องดูใหญ่โตกว้างขวางขึ้น
สำหรับพิพิธภัณฑ์ 3 มิติที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ยังมีการเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า พิพิธภัณฑ์ Trick Art ซึ่งหมายถึงศิลปะที่ลวงตาเช่นเดียวกัน โดยในพิพิธภัณฑ์ 3 มิตินั้น มักจะมี Concept ของการสร้างสรรค์งานศิลปะ 3 มิติให้ผู้ชมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วม หรือ “เล่น” กับงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ได้ ทำให้เกิดความสนุกสนาน ซึ่งเป็นจุดเด่นของงานและพิพิธภัณฑ์ประเภทนี้ คือ การสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจให้ประทับอยู่ในรูปถ่ายของผู้ชม ผู้ที่เข้าชมงานศิลปะทุกคนสามารถ “เล่น” กับงานศิลปะแต่ละชิ้นได้ตามสไตล์ของตนเอง และเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะเหล่านั้น
สำหรับในเมืองไทยนั้น พิพิธภัณฑ์ 3 มิติ ที่แรกนั้น มีชื่อว่า Art in Paradise อยู่ที่จ.ชลบุรี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นโดยชาวเกาหลี และศิลปินที่วาดภาพส่วนใหญ่ก็เป็นชาวเกาหลี ซึ่งก็ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมาก หลังจากนั้นพิพิธภัณฑ์ประเภทนี้ก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวและจังหวัดต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชะอำ อุบลฯ หาดใหญ่ และโคราช ซึ่งทำให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงศิลปะประเภทนี้ได้ง่ายมากขึ้น
ในพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งมักจะมีลักษณะของศิลปะใกล้เคียงกัน เช่น Painting Art คือการวาดภาพในลักษณะลวงตา 3 มิติ ทำให้รู้สึกราวกับว่าสิ่งต่าง ๆ ในภาพมีชีวิตจริง Object Art เป็นการประยุกต์ภาพลวงตาเข้ากับการจำลองแบบพื้นที่อยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน เช่น ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ฯลฯ ทำให้ผู้ชมสามารถเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพในลักษณะต่าง ๆ
ในบางแห่งก็จะมี Digital Art เป็นการใช้เทคนิคทางคอมพิวเตอร์ในการสร้างลูกเล่นให้งานศิลปะ ด้วยการจำลองสภาวะเสมือนจริง เช่น บรรยากาศใต้ท้องทะเล เป็นต้น หากมีโอกาส ลองสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และบันทึกความทรงจำกับงานศิลปะ 3 มิติดูสักครั้งสิคะ

