เลิกขมวดคิ้วซะ ! เพราะคุณคือ อัจฉริยะนักแก้ปัญหา
โดยความเป็นจริงแล้ว วิธีการแก้ปัญหานั้นเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจและฝึกฝนได้ หากแต่น้อยคนนักที่จะสนใจกับวิธีการเหล่านั้น หรือเห็นว่าเป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องศึกษา
เลิกขมวดคิ้วซะ ! เพราะคุณคือ อัจฉริยะนักแก้ปัญหา เป็นหนังสือที่บอกให้เรารู้ว่า การแก้ปัญหานั้นมีวิธีคิดและวิธีการ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากปัญหาได้โดยไม่ยาก
หนังสือเล่มนี้แปลมาจากหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Problem Solving 101 เขียนโดย เคน วาตะนาเบะ นักเขียนชาวญี่ปุ่นที่สามารถทำให้หนังสือเล่มนี้ขายดีระดับ International Bestseller ได้ ซึ่งแม้กระทั่ง Dan Ariely ผู้เขียนหนังสือ เหตุผลที่ไม่ควรมีเหตุผล และ พฤติกรรมพยากรณ์ กับนักเขียนอีกคนชื่อ Seth Godin ผู้เขียน Purple Cow และ Unleashing the Idea Virus ยังมาช่วยเขียนคำนิยมให้
เคน วาตะนาเบะ นั้น เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ McKinsey & Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาอันดับต้น ๆ ของโลก โดย เคน วาตะนาเบะ ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราว่า ก่อนที่เราจะแก้ปัญหานั้น จะต้องทำความเข้าใจกับปัญหาให้ได้เสียก่อน หาสาเหตุของปัญหา แล้วค่อยวางแผนแก้ไขปัญหานั้น ๆ เมื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหา มีแผนการแล้วค่อยแก้ไขไปตามแผน เพราะหากไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของปัญหา ก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ให้เครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกใช้แก้ปัญหาและประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผังต้นไม้แห่งเหตุผล ที่เป็นแผนภาพช่วยระบุสาเหตุทั้งหมดที่เป็นไปได้ ตลอดจนแบ่งแยกปัญหาออกเป็นหมวดหมู่ ทำให้เข้าใจได้ง่าย อันจะนำไปสู่วิธีในการแก้ปัญหา ผังต้นไม้ ใช่/ไม่ใช่ ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการหาสาเหตุของปัญหา ด้วยการตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ และพีระมิดสมมติฐาน ที่เป็นเครื่องมือในการช่วยจัดวางโครงสร้างของเหตุผล ซึ่งจะทำให้เราเห็นถึงข้อสรุปและเหตุผลที่รองรับ
วิธีการเหล่านี้อาจจะไม่ใช่วิธีการใหม่ ๆ แต่เป็นวิธีการที่จะช่วยจัดระเบียบความคิด และทำให้เราเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหา อันนำสู่การแก้ปัญหาที่แท้จริงได้
หนังสือเล่มนี้ โดยแท้จริงแล้วเขียนให้เด็ก ๆ อ่าน เพื่อพัฒนาและปลูกฝังวิธีการแก้ปัญหาให้แก่เด็ก เพื่อที่จะมีวิธีคิดที่เป็นกระบวนการ มีความเป็นเหตุเป็นผล และสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้ตลอดชีวิต ดังนั้นภาษาที่ใช้และภาพประกอบ รวมไปถึงตัวอย่างกรณีศึกษาต่าง ๆ จึงล้วนเป็นเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
อย่างเช่น ปัญหาของวงดนตรีที่ไม่มีคนมาดูคอนเสิร์ต ปัญหาของเด็กหนุ่มที่อยากจะมีคอมพิวเตอร์ แต่ไม่มีเงินซื้อ ปัญหาของนักเรียนในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เป็นต้น ทำให้เล่มนี้ไม่ใช่เป็นหนังสือวิชาการที่ดูเคร่งเครียดไม่น่าอ่าน หากแต่ผู้ใหญ่กลับชอบที่จะอ่าน ซึ่งก็ทำให้เล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดีได้ไม่ยาก