ส่วนกรณีที่บริษัทหรือกลุ่มผู้ประกอกการ SME ในมาเลเซีย ได้ขยายกิจการหรือออกไปแสวงธุรกิจใหม่ ๆ ที่นอกมาเลเซียนั้น Datuk Seri Najib Tun Razak นายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซีย ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า
"รัฐบาลมาเลเซียจะไม่พึ่งพาแรงงานต่างประเทศที่มีค่าแรงราคาถูก หรือแรงงานแบบดั้งเดิมมากจนเกินไป การที่บริษัทหรือกลุ่มธุรกิจได้ขยายกิจการ หรือออกไปแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างแดน จะทำให้บริษัทของผู้ประกอบการต่าง ๆ อาจมีความเจริญเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น"
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ภายในมาเลเซียนั้น นายกรัฐมนตรี Najib เรียกร้องให้บริษัทเหล่านั้นควรจะมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม ประสิทธิภาพ การผลิต และความสามารถในการแข่งขันให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอย่างยั่งยืนและครบวงจรด้วย
สาเหตุที่เขาเรียกร้องเช่นนี้ ก็เพราะว่า "ต้องการให้มาเลเซียสามารถรักษาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้และภูมิภาคอื่น ๆ ได้" คำเรียกร้องนี้เขากล่าวขึ้นในพิธีมอบรางวัล ASEAN Business Awards Malaysia 2016 หรือ The ABAM 2016
The ABAM 2016 เป็นรางวัลที่จัดโดยสภาที่ปรึกษาอาเซียนธุรกิจ (ASEAN-BAC) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมอบให้กับบริษัทที่มีส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจของมาเลเซียมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้มอบให้กับบริษัทดีเด่น 19 แห่ง
เขากล่าวปิดท้ายว่า "ในมาเลเซียมีผู้ประกอบการ SME กว่า 97% ซึ่งธุรกิจประเภทนี้จะมีความคล่องตัวสูง มีศักยภาพที่ดี และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ที่มาเลเซียได้เข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกอยู่ในกลุ่ม AEC อย่างเต็มรูปแบบและเป็นทางการแล้ว"
นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการ SME หรือกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินกิจกรรมอยู่ภายในมาเลเซีย ที่มีส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจของมาเลเซียขยายตัวสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่า นายกรัฐมนตรี Najib ยังคงมีความคาดหวังที่จะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นต่อไปอีกในขณะที่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี