The Little Book of Talent 52 เคล็ดวิชาเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ
Daniel Coyle เจ้าของผลงานที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดี อย่าง The Talent Code (รหัสลัดอัจฉริยะ) Lance Armstrong’s War และ Hardball : A Season in Projects ได้เขียนหนังสือขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า The Little Book of Talent เพื่อรวบรวมเคล็ดลับในการเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ
หนังสือเล่มนี้รวบรวมเรื่องราวการฝึกฝนคนเก่งระดับโลกจากประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนได้ไปประสบพบเจอมา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนดนตรีเล็ก ๆในนิวยอร์ก ที่สามารถฝึกนักเรียนภายในเวลาแค่ 7 สัปดาห์ แต่ได้ผลราวกับฝึกมา 1 ปีเต็ม สโมสรเทนนิสในมอสโก ที่ฝึกนักเทนนิสหญิงให้ติด 1 ใน 20 อันดับแรกของโลกได้มากกว่าอเมริกาทั้งประเทศ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนนำวิธีฝึกเหล่านั้นมาใช้กับลูก ๆ และคนรอบข้าง และพบว่าได้ผลจริง จึงได้รวบรวมเป็นเคล็ดลับเล่มนี้ออกมา ซึ่งมีเนื้อหาแค่เพียง 150 หน้า แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนตั้งต้น ส่วนพัฒนาทักษะ และส่วนรักษาความก้าวหน้า อ่านทีเดียวจบค่ะ แต่หากจะนำไปใช้คงต้องค่อย ๆ นำไปใช้วันละนิด แล้วชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเคล็ดลับทั้งหมด 52 ข้อ ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อม เช่น จับจ้องคนที่คุณอยากจะเป็น มีการวิจัยที่ผลว่าเราทุกคนต่างมีภาพของคนที่เราอยากจะเป็นอยู่ในใจ การจ้องมองภาพเหล่านั้นทุกวัน จะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจได้ หลังจากนั้นใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 15 นาทีในการดูและบันทึกภาพทักษะที่ต้องการฝึกฝนลงในสมอง ผู้เขียนแนะนำว่าอย่าอายที่จะขโมย เราควรซึมซับข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ควรฝึกจดบันทึก ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ทำในวันนี้หรือไอเดียที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเป้าหมายสำหรับวันพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้า
ในส่วนของการพัฒนาทักษะ ผู้เขียนให้เคล็ดลับไว้หลายข้อ เช่น ค้นหาจุดกลมกล่อม ซึ่งหมายถึงจุดที่อยู่ตรงขอบสุดของความสามารถ จุดที่รู้สึกว่ายากลำบากในการฝึกซ้อม จุดที่เกือบจะทำได้ แต่ยังไม่ได้ ซึ่งถ้าฝึกฝนบ่อย ๆ จะเกิดเรียนรู้และพัฒนาได้ไวกว่าการฝึกซ้ำ ในสิ่งที่ทำได้แล้วหรือฝึกอะไรง่าย ๆ ผู้เขียนกล่าวว่าการฝึกฝนนั้นวัดกันที่จำนวนครั้งของความพยายามจนสำเร็จ ไม่ได้วัดกันที่เวลา ดังนั้นยิ่งฝึกบ่อย ก็จะยิ่งได้เปรียบ โดยควรแบ่งทักษะออกเป็นส่วนย่อย ๆ แล้วค่อย ๆ ฝึกไปทีละส่วน ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้ของสมองมากกว่า
และสุดท้ายในส่วนของการรักษาความก้าวหน้านั้น มีอยู่ไม่กี่ข้อ ซึ่งผู้เขียนเน้นถึงการเปิดใจรับการทำซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ รวมทั้งให้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ลองสอนทักษะที่ฝึกฝนให้แก่ผู้อื่น เพราะการสอนจะทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ในรีวิวนี้ คงไม่สามารถรวบรวมเคล็ดลับได้หมด ถ้าสนใจคงต้องลองหาอ่านกันค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่แตกต่างจาก Talent Code สักเท่าไร หากแต่วิธีนำเสนอแตกต่างกันตรงที่ Talent Code อธิบายถึงเรื่องประสาทวิทยาและที่มาที่ไปของการฝึกฝน แต่สำหรับเล่มนี้เป็นการรวมเคล็ดลับให้อ่านง่าย มีเนื้อหากระชับ เป็นหนังสือประเภท How To เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเคล็ดลับแล้วเอามาใช้มากกว่าเหตุผลที่มาค่ะ