ฤดูหนาวที่อากาศรอบตัวเย็นกว่าอุณหภูมิภายในร่างกาย ร่างกายต้องปรับตัวสู้กับอากาศหนาว เป็นสภาวะที่ทำเปราะบางต่อโรคภัย โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายเพื่อให้แข็งแรง การสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น รวมทั้งการรับประทานอาหารที่มีพืชหรือสมุนไพรเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ
พริก ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น มีอุณหภูมิสูงขึ้น ลดความเย็นที่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า เพราะพริกมีสารแคพไซซิน (Capsaicin) ที่ให้ความรู้สึกแสบร้อน รักษาอาการปวด และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี
กระเทียม ช่วยบรรเทาอาการหวัดจากน้ำมันหอมระเหยที่ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ต้นเหตุของอาการหวัด และกระเทียมยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี เพราะมีสารที่ลดคราบพลัคในหลอดเลือด
กะเพรา เป็นสมุนไพรที่ถูกใช้ทางการแพทย์มาหลายพันปี ถูกขนานนามว่า ราชินีสมุนไพร การรับประทานใบกะเพราจะช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ ลดไข้ ทำให้ปอดทำงานดีขึ้น และช่วยปรับความสมดุลให้ร่างกาย
โหระพา ช่วยแก้ไอ ขับเหงื่อ ลดอาการหลอดลมอักเสบ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ผู้คนมักนิยมใช้ใบและน้ำมันสกัด แต่ส่วนอื่นๆ ของโหระพาก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน
ขิง สมุนไพรที่ให้รสเผ็ดร้อน เป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด แต่ขิงก็ยังมีสรรพคุณที่เหมาะกับฤดูหนาว คือ ช่วยลดไข้ ลดหวัดที่มีเสมหะ ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี และเลือดไม่แข็งตัว อีกทั้งกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าในวันที่อากาศหนาวด้วยรสเผ็ดของสมุนไพรชนิดนี้
ข่า สมุนไพรที่มักนิยมใช้แต่งกลิ่นอาหาร ช่วยบำรุงธาตุไฟในร่างกาย บรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี
สะเดา สมุนไพรที่จัดเป็นไม้มงคล เชื่อว่าจะปกปักรักษา ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และในทางการแพทย์ สะเดาสามารถใช้เพื่อประโยชน์ได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นใบ ดอก หรือผล สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณแก้ไข้ ไอ ขับเสมหะ เพิ่มความอบอุ่น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต้านทานกับอากาศเย็น
สมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพืชที่มีประโยชน์ในฤดูหนาว ยังมีสมุนไพรอีกมากมายในไทยให้สรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลอันดีให้ร่างกาย และที่สำคัญสามารถหาซื้อหรือปลูกได้ไม่ยากเลย สำหรับผู้ประกอบการหรือร้านอาหารที่เกี่ยวข้องก็น่าสนใจที่จะเชื่อมโยงสรรพคุณของสมุนไพรกับฤดูหนาวเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น