แปรรูปทูน่ากระป๋อง เฮ! พาณิชย์ เตรียมปลดล็อคนำเข้าทูน่าครีบเหลือง

SME Update
25/01/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 2031 คน
แปรรูปทูน่ากระป๋อง เฮ! พาณิชย์ เตรียมปลดล็อคนำเข้าทูน่าครีบเหลือง
banner
กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกเลิกประกาศคุมนำเข้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ หลัง ครม.ไฟเขียวให้เลิกใช้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐ ให้อยู่ภายใต้กฎหมายของกรมประมงเพียงแห่งชาติ และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ประกาศและระเบียบกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ พ.ศ.2537 ซึ่ง ครม. ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และขณะนี้ กรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการยกเลิกประกาศและระเบียบดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับมาตรการของกรมประมง โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้

โดยที่ผ่านมา จากประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศและระเบียบกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการป้องกันการทำลายปลาโลมาอันเนื่องมาจากการจับปลาทูน่าดังกล่าว รวมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้าที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล

มาตรการดังกล่าวกำหนดให้ผู้นำเข้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ต้องมีหนังสือรับรองจากกรมประมงไปแสดงต่อกรมศุลกากรว่าสินค้าดังกล่าวไม่ได้มาจากการทำประมงด้วยอวนล้อมบริเวณเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกที่เป็นอันตรายต่อปลาโลมา

ขณะที่ ปัจจุบัน กรมประมงมีมาตรการควบคุมตรวจสอบการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าและผลิตภัณฑ์ ภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ที่ตราขึ้นเพื่อป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมายรองรับระเบียบ IUU Fishing (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าวจะต้องขออนุญาตนำเข้าจากกรมประมง ซึ่งการอนุญาตจะทำได้เฉพาะเมื่อมีใบรับรองการจับสัตว์น้ำหรือเอกสารอื่นใดที่แสดงว่าสัตว์น้ำนั้นได้มาจากการทำประมงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเงื่อนไข เรื่อง การป้องกันการจับปลาทูน่าครีบเหลืองที่เป็นอันตรายต่อปลาโลมาด้วย ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมาย

การปลดล็อคดังกล่าว จะเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมาย โดยต่อไปการขออนุญาตจะไปอยู่ที่กรมประมงเพียงแห่งเดียว

ทั้งนี้ ปลาทูน่าจัดเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าปลาทูน่าเป็นอาหารที่สามารถทดแทนเนื้อสัตว์ประเภทอื่นได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และราคาไม่แพง ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกปลาทูน่ากระป๋องมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก แบ่งผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ ปลาทูน่าในน้ำมันพืช (Tuna in oil) และปลาทูน่าในน้ำเกลือ (Tuna in brine)

นอกจากจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ของโลกแล้ว ประเทศไทยยังเป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบปลาทูน่ารายใหญ่ของโลกด้วย เนื่องจากกว่าร้อยละ 80 ของปลาทูน่าที่ใช้ในการผลิตปลาทูน่ากระป๋องต้องนำเข้า ทั้งนี้เพราะปลาทูน่าที่จับได้จากการทำประมงของไทยมีประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ทั้งมีแนวโน้มลดลง


โดย ปลาทูน่าครีบเหลือง เป็นสายพันธุ์ที่ผู้ประกอบการไทยใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปลาทูน่ากระป๋องและจำหน่ายมากเป็นอันดับสอง โดยลักษณะของปลาทูน่าพันธุ์นี้จะมีขนาดลำตัวยาว 27-60 นิ้ว และน้ำหนักตั้งแต่ 7-25 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 18-30 องศาเซลเซียส ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นปลาที่มีสีเข้มน้อย และมีปริมาณเนื้อปลามากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

แต่ละปีไทยนำเข้าปลาทูน่าสด/แช่เย็น/แช่แข็งปริมาณ 700,000-760,000 ตัน มูลค่า 41,000-45,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 97% ของปริมาณการนำเข้ารวม โดยนำเข้าชนิดหรือสายพันธุ์ท้องแถบ มากที่สุด คิดเป็น 70% รองลงมา คือ พันธุ์ครีบเหลือง ,พันธุ์ครีบยาว และพันธุ์ตาโต  ตามลำดับ

โดยปลาทูน่าครีบเหลืองที่นำเข้าทางศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจสัตว์น้ำเขต 3 จังหวัดสงขลา เป็นการนำเข้าโดยเรือบรรทุกสินค้าตู้คอนเทนเนอร์และเรือบรรทุกสัตว์น้ำ (BULK) ในลักษณะสินค้าแช่แข็งทั้งหมด ณ ท่าเรือน้ำลึกสงขลา ซึ่งมีการนำเข้าทางเรือบรรทุกสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศ  อินโดนีเซีย  ไต้หวัน  จีน และ หมู่เกาะโซโลมอน และส่งต่อไปยังโรงงานแปรรูปซึ่งมีที่ตั้งภายในจังหวัดสงขลา พังงา และภูเก็ต ประมาณร้อยละ 80 ส่วน ซึ่งเมื่อแปรรูปแล้วจะส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศประมาณร้อยละ 90 โดยมีตลาดหลักคือสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียส่วนที่จำหน่ายในประเทศประมาณร้อยละ 10 ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องที่ผลิตไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ขณะที่ประมาณร้อยละ 20 เป็นการรอส่งออกต่อไปในรูปแบบวัตถุดิบเพื่อเข้าโรงงานแปรรูป ในญี่ปุ่น และเวียดนาม

การดำเนินการดังกล่าวเป็นการบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐในการขจัดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการกลุ่มแปรรูปอาหารกระป๋อง


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1049 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1383 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1664 | 25/01/2024
แปรรูปทูน่ากระป๋อง เฮ! พาณิชย์ เตรียมปลดล็อคนำเข้าทูน่าครีบเหลือง