ครม.เห็นชอบ เพิ่มโทษโฆษณาเกินจริง คนรีวิวก็โดนด้วย

จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการเสนอ ให้ พ.ร.บ.ฉบับเดิมซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2522 ให้มีการปรับแก้ในหลายประเด็นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งการเพิ่มโทษให้เหมาะสม รวมทั้งการให้ อย.มีอำนาจในการมอบหมายผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศทำหน้าที่ประเมินเอกสารวิชาการ ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ สถานประกอบการแทนพนักงานเจ้าหน้าที่

อีกทั้งยังให้ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในกระบวนการที่เกี่ยวข้องนี้ทั้งหมด ซึ่งจากเดิม อย.เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ด้วยงบประมาณมีจำกัดเลยทำได้ล่าช้า แต่จากนี้เมื่อผู้ประกอบการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองก็จะทำให้การดำเนินการเร็วขึ้น

ข่าวดีสำหรับทุกคนรึเปล่าไม่แน่ใจ ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบแก้ไข พ.ร.บ.อาหาร ให้เพิ่มโทษการโฆษณาเกินจริง  จึงได้เพิ่มโทษและให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งคุมเข้มสินค้าอ้างลดความอ้วน เพิ่มความขาว อาหารผสมยา ต้องยื่นขออนุญาต

ในส่วนของผู้บริโภคอาจได้รับผลดี เพราะการอนุญาตให้ผลิตสินค้าอาหาร ต้องได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรรัฐทำหน้าที่ในการตรวจวิเคราะห์สถานประกอบการ ผลิตภัณฑ์อาหาร จึงทำให้สินค้าอาหารได้รับความมั่นใจมากขึ้น ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากการโฆษณา และได้เพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

โดยจะห้ามนำยาไปผสมกับอาหารต้องแยกจากกันให้ชัดเจน เพราะหากผสมยาต้องขออนุญาต อย.ด้านยาแยกจากกัน หากกระทำผิดโทษจำคุก 3 ปี ปรับจาก 30,000 บาท  เพิ่มเป็น 3 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

สำหรับอาหารไม่บริสุทธิ์ หรือมีสิ่งปลอมปน ด้วยการนำสารหรือยาเข้าไปผสม  อวดอ้างสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ลดความอ้วน เพิ่มขาววิ้ง หากพิสูจน์ได้ชัดเจน เดิมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท เพิ่มเป็นโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5 แสนบาท

ดังนั้นสินค้าอาหารที่มีส่วนผสมปลอมปน และแอบอ้างสรรพคุณ ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในกรณีนี้ รวมถึงกรณีศิลปิน ดารา ผู้มีชื่อเสียงต่างๆ ที่ไปรับรีวิวผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริมต่างๆ ด้วย และจะไม่สามารถอ้างได้ว่า ‘ตรวจสอบผลิตภัณฑ์แล้วว่ามี เลขอย.รับรองแล้วจึงรับรีววิว’ ไม่ได้อีกต่อไป เพราะ อย.ชัดเจนย้ำว่าไม่เคยให้โฆษณาโออ้วด โดยเฉพาะกรณีที่มีสารต้องห้าม ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ บริสุทธิ์ที่ตรวจสอบ จับกุมได้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีการลักลอบผสมยาลดความอ้วน และยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ

ทั้งนี้ ครม.ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานในการกำหนดเงื่อนไขการโฆษณาอาหาร  เช่น อาหารอวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกหลอกลวง  ในส่วนของสินค้าอาหารผลิตเพื่อส่งออก ให้ปฏิบัติการข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย แต่หากผลิตเพื่อไทยใช้ประเทศด้วย ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยเช่นเดียวกัน