วาระ 'เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารของอาเซียน' ถือเป็น 1 ใน 13 ประเด็นหารือในโอกาสที่จะมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 25 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน 2562 นี้ จ.ภูเก็ต โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มีการเสนอให้จัดทำแผนแม่บทเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหารของอาเซียน โดยกำหนดให้เส้นทาง 'พารานากัน' หรือ บาบ๋า-ย่าหยา จ.สตูล เป็นเส้นทางนำร่อง เพราะสามารถเชื่อมโยงกับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย และมีความเหมาะสม ทั้งทัศนียภาพ วัฒนธรรม และอาหาร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ที่ผ่านมาสตูลนับได้ว่าเป็นเพชรอีกเม็ดหนึ่งของภาคใต้ฝั่งอันดามัน อันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจาก สตูล เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และมีวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ของหมู่เกาะต่างๆ ที่งดงามและโด่งดังระดับประเทศ เช่น เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง-ราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม ฯลฯ รวมทั้งผืนป่าดิบ โถงถ้ำ และน้ำตกน้อยใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน
ประโยชน์ที่จะได้รับหากสามารถดึงดูดการท่องเที่ยวเข้ามาได้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน เพราะโดยปกติไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหาร คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งหมด หรือประมาณ 4.56 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวทางการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมเข้าด้วยกันนั้น จะต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย
มุมมองของ "นายทวี ศรีอำภรณ์" ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย บริเวณเกาะหลีเป๊ะ เปิดเผยว่า หากผลักดันให้สตูลเป็นแหล่งท่องเที่ยวอาเซียนควรเน้นเรื่อง “ชุมชนชาวเล” ซึ่งเป็นชุมชนพื้นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และควรมุ่งพัฒนาเส้นทางการบินตรงมายังจ.สตูล จากปัจจุบันการเดินทางมาท่องเที่ยวสามารถมาได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางต้องไปลงเครื่องบินที่อ.หาดใหญ่ นั่งรถต่อมายังสตูล และต่อเรือจากท่าเรือปากบารามาที่เกาะหลีเป๊ะใช้เวลา 1.30 ชม. หรือลงที่สนามบินภูเก็ต นั่งทางเรือโดยสารระหว่างประเทศ จากภูเก็ต มาเกาะลันตา มาตรัง มาตะรุเตา หลีเป๊ะ แล้วไปสิ้นสุดที่ เกาะลังกาวี ของมาเลเซีย เกาะลังกาวี ซึ่งห่างจากหลีเป๊ะประมาณ 1 ชม.
ด้านนายอมรินท์ ศาลากิจ ผู้ประกอบการบันดาหยารีสอร์ท และตัวแทนชมรมผู้ประกอบการหลีเป๊ะ กล่าวว่า จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเกาะหลีเป๊ะ ลดลงประมาณ 20-30% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มหลัก ส่งผลให้ยอดจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่น ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคมลดลง และทำให้รายได้ภาพรวมจากการท่องเที่ยวที่เคยทำได้สูงสุด 7,000 ล้านบาทต่อปี ลดลงเหลือ 4,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ผู้ประกอบการมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น จากกลุ่มโฮสเทล และมีต้นทุนค่าแรงงานที่สูงขึ้น ดังนั้น ทางภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333