มาเลเซียตั้งเป้าหมายพลิกฟื้นความได้เปรียบด้านเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) หลังจากบริษัทต่างๆ แสวงหาความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน
มาเลเซีย เคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปแห่งเอเชีย จากการดึงดูดบรรดาผู้ผลิตชิปต่างชาติเข้าประเทศในช่วงปี 1970 และเคยถูกขนานนามว่า ‘Silicon Valley แห่งตะวันออก’ แม้ว่ามาเลเซียจะเสียตำแหน่งนี้ไปให้กับเกาหลีใต้และไต้หวันแล้ว หลังจากที่บริษัทอย่าง Samsung Electronics (เกาหลีใต้) และ TSMC (ไต้หวัน) เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปี 1990 แต่ล่าสุด มาเลเซียมุ่งหวังที่จะพลิกฟื้นอุตสาหกรรมดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง หลังจากผู้ผลิตหลายรายพยายาม ‘กระจายความเสี่ยงด้านการผลิต’ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจ สหรัฐฯ - จีน
ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง Intel ก็กำลังขยายธุรกิจเข้าไปในมาเลเซีย โดยมีแผนลงทุนถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการทำให้มาเลเซียกลายเป็นฐานการผลิตหลักฝั่งเอเชีย Intel ได้สร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์ชิป 3D ขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ เพื่อเตรียมการสำหรับการผลิตชิปที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น ในพื้นที่สวนอุตสาหกรรม Bayan Lepas ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะปีนัง
นอกจากนี้ มาเลเซียยังเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญที่สุดในเอเชียของ Infineon บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของเยอรมณี โดยมีจำนวนพนักงานมากกว่าในประเทศต้นกำเนิดแล้วในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี เงินทุนไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของมาเลเซียแตะระดับสูงสุดตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทชิปในระดับโลก ซึ่งมาเลเซียเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการผลิตชิป โดยคิดเป็น 13% ของตลาดโลกด้านบริการการบรรจุ การประกอบ และการทดสอบ รวมถึงเป็นผู้ส่งออกชิปรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ตามข้อมูลของรัฐบาลมาเลเซีย
ในทางกลับกัน มาเลเซียต้องพึ่งพาบริษัทชิปจากต่างประเทศเป็นอย่างมากเพื่อที่จะรักษาอุตสาหกรรมนี้ไว้ โดยทั้ง Intel, NXP, Infineon, Texas Instruments และ Renesas ต่างเข้ามาดำเนินกิจการในมาเลเซียตั้งแต่ช่วงปี 1970 ขณะที่ผู้ให้บริการการทดสอบและบรรจุภัณฑ์ชิปสัญชาติมาเลเซียอย่าง Inari Amertron, Unisem และ Carsem กลับมีบาทบาทเพียงเล็กน้อยในตลาดโลก ซึ่งมาเลเซียยังคงไม่มีผู้ผลิตชิปรายใหญ่หรือผู้พัฒนาชิปชั้นนำแต่อย่างใด
Tim Archer ผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Lam มองว่า มาเลเซียได้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตชิปชั้นนำแห่งเอเชีย ร่วมกับเกาหลีใต้และไต้หวันแล้ว อีกทั้ง Intel ยังมองว่า นอกจากด้านภูมิศาสตร์และโลจิสติกส์ ที่มาเลเซียอยู่ตรงกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว แรงงานในประเทศยังมีทักษะด้านภาษาอังกฤษที่ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ดี Infineon กล่าวว่า การเข้าถึงพลังงานสีเขียวนับเป็นเรื่องสำคัญอันดันแรกของผู้ผลิตชิปที่ต้องนำมาพิจารณาหากจะมีการลงทุนใหม่ ซึ่งหากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาพลังงานสีเขียวเพิ่มขึ้นได้ สิ่งนี้อาจกลายเป็นสิ่งกีดขวางการเข้ามาลงทุนในมาเลเซีย
ที่มา: Malaysia aims for chip comeback as Intel, Infineon and more pile in, Cheng Ting-Fang and Lauly Li, Nikkei Asia technology correspondents
ผู้เรียบเรียง: ณภัสสร มีไผ่แก้ว