การแพร่ระบายของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF)
ในหลายประเทศแถบเอเชียรวมถึงอาเซียนกำลังกลายเป็นวาระสำคัญที่หลายประเทศรวมถึงต้องติดตามเฝ้าระหว่างอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าโรคดังกล่าวจะไม่ใช่โรคที่แพร่ระบาดและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ก็ตาม
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโรค ASF นี้ได้แพร่ระบาดระหว่างสุกร-สุกร เริ่มเกิดขึ้นมาในทวีปยุโรปก่อน แต่ด้วยเหตุที่ยุโรปมีระบบบริหารจัดการฟาร์มจึงทำให้ไม่เป็นอันตราย แต่ทว่าโรคนี้ได้เล็ดลอดมายังประเทศจีน ทำให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงไม่สามารถควบคุมการระบาดได้
แต่ที่รุนแรงไปกว่านั้นคือโรค ASF ได้แพร่ระบาดเข้ามายังอาเซียนจากพรมแดนเวียดนามที่เชื่อมต่อกับจีน และลุกลามต่อเนื่องมากขึ้น โดยปัจจุบันตามข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 ระบุว่า โรคนี้ได้ขยายวงกว้างไปยัง 17 ประเทศ 3 ทวีป คือ ทวีปยุโรป 10 ประเทศ แอฟริกา 4 ประเทศ และเอเชีย 4 ประเทศ ส่งผลให้มีการทำลายสุกรทั่วเอเชียไปแล้วนับล้านตัว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ล่าสุดโรคดังกล่าวได้ลุกลามบานปลายเข้าสู่
แขวงสาละวัน สปป.ลาว ส่งผลให้เมื่อวันที่ 21
มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา
นส.พ. สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ลงนามประกาศกรมปศุสัตว์ ชะลอนำเข้า
หรือนำผ่านสุกร หมูป่า ซากสุกร และซากหมูป่า จากสปป.ลาว โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา
90 วัน
นับจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้ามายังประเทศไทย
ในส่วนของไทย ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ระบุว่า บริษัทสมาชิกได้มีการลงขันกันสร้างระบบเฝ้าระวังการนำเข้าสุกรมีชีวิต ผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วน หรือซากสุกร พร้อมทั้งทางกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอให้ยกประเด็นนี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งขอรับจัดสรรงบประมาณดูแล
"นายสุรชัย
สุทธิธรรม" นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า สมาคมฯ ร่วมมือกับภาคเอกชนทั้ง บริษัท
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ,
บริษัท
เบทาโกร จำกัด และบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและป้องกันโรค ASF
บริเวณด่านกักกันสัตว์ในพื่นที่เสี่ยงที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ในพื้นที่ 5 จังหวัดเป้าหมาย
โดยจะมีการสร้างศูนย์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะสำหรับขนส่งปศุสัตว์ที่ด่านกักสัตว์ชายแดนป้องกันไม่ให้โรค
ASF เข้ามาทำลายภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศไทยซึ่งมีมูลค่ากว่า
2 แสนล้านบาท
โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรอนุมัติวงเงิน 1
ล้านบาท รับผิดชอบสร้างโรงชำระล้างฯ บริเวณริมทางหลวงใกล้ด่านกักกันสัตว์
จ.หนองคาย ส่วนซีพีเอฟ รับผิดชอบสร้าง 2
จุด ที่ด่าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และด่านจ.มุกดาหาร และเบทาโกรรับผิดชอบสร้างที่ด่านกักกันสัตว์
จ.นครพนม และไทยฟู้ดส์ รับผิดชอบสร้างที่ด่านปอยเปต จ.สระแก้ว เป็นต้น
สำหรับระบบป้องกันโรคดังกล่าวต้องมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ในระดับสูง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ โดยต้องพ่นยาฆ่าเชื้อรถบรรทุกปศุสัตว์ รถขนส่งวัตถุดิบ ฯลฯ ทั้งขาเข้าและภายหลังจากส่งออกที่ชายแดน รวมถึงการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออุปกรณ์บรรทุกและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ระยะเวลาขั้นต่ำ 30 นาที
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ในมุมของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ประจำกรุงพนมเปญ ประเมินว่าผลจากการที่รัฐบาลกัมพูชา
เข้มงวดเรื่องการนำเข้าสุกรจากเวียดนาม
จะเป็นโอกาสในการส่งออกสุกรของไทยไปยังกัมพูชา โดยปัจจุบันเอกชนไทย 2
รายใหญ่ที่เป็นผู้ลงทุนในธุรกิจฟาร์มสุกรขนาดใหญ่ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้
แต่ก็ได้เตรียมพร้อมเต็มที่ในการเฝ้าระวัง ซึ่งคาดการณ์ว่าในระยะนี้ราคาเนื้อสุกรจะถูกลง
เพราะประชาชนอาจจะกังวลต่อการบริโภค ซึ่งอาจจะมีผลต่อต้นทุนการเลี้ยงก็เป็นได้