ช่วงนี้อากาศแปรปรวนบ่อย เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน แถมออกข้างนอกมาเจอฝุ่น PM 2.5 อีก ยิ่งทำให้เราต้องรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม โรคภัยไข้เจ็บย่อมเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะแข็งแรงแค่ไหน โรคต่างๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว เช่นตอนนี้ หลายคนอาจชื่นชอบอากาศเย็นสบาย แต่ทราบหรือไม่ว่า โรคภัยยอดนิยมที่จะมาพร้อมสภาพอากาศแบบนี้ คือ ‘ไข้หวัด’ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักและหาทางรับมือกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โรคไข้หวัดเป็นโรคที่เกิดได้ตลอดทั้งปี
แต่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง โรคไข้หวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส
ซึ่งมีหลายสายพันธุ์
เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดแต่ละครั้งมักเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดเพียงชนิดเดียว
และเมื่อหายแล้วร่างกายก็จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนั้น
และเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดครั้งใหม่ก็มักจะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดชนิดใหม่
หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
โรคไข้หวัดติดต่อกันผ่านทางลมหายใจและสารคัดหลั่ง
เช่น น้ำมูก น้ำลาย ติดต่อโดยการไอ หรือหายใจรดกัน หรือจากการสัมผัส
เมื่อมีเชื้อหวัดติดที่มือแล้วไปสัมผัสผู้อื่น เชื้อหวัดก็จะติดคนๆนั้น
และเมื่อนำไปขยี้ตาหรือแคะจมูกก็จะเข้าสู่ร่างกายจนกลายเป็นไข้หวัดได้อาการของโรค แต่สำหรับโรคหวัดเรื้อรัง
มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อทั้ง 2 ชนิดนี้จะแสดงอาการที่ต่างๆ
กัน
หลังจากเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายประมาณ
1 ถึง 3 วัน ก็จะเริ่มแสดงอาการ ซึ่งอาการที่พบบ่อยคือ ไข้ตัวร้อนเป็นพักๆ
ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกใส จาม คอแห้ง
หรือเจ็บคอเล็กน้อย ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโตขึ้น
ไอแห้งหรือไอมีเสมหะเล็กน้อยลักษณะสีขาว ถ้าไอมากอาจทำให้เจ็บบริเวณลิ้นปี่
สำหรับผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ มีเพียงอาการคัดจมูก น้ำมูกใส
แต่สำหรับเด็กมักมีไข้สูงเฉียบพลัน นอกจากนี้อาจเกิดอาการท้องเดินหรือถ่ายเป็นมูก
ถ้ามีอาการเกิน 4
วันอาจพบเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนทำให้ถ่ายเป็นมูกข้นเหลืองหรือเขียว
หรือไอมีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว และอาจมีอาการอื่นตามมา
หวัดจากเชื้อแบคทีเรีย
จะมีไข้สูง เจ็บที่ต่อมน้ำเหลืองด้านข้างลำคอ คอหอยและต่อมทอนซิลแดงจัด
และมีฝ้าขาวหรือตุ่มหนอง ควรต้องไปพบแพทย์
ผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะหรือยาแก้อักเสบ ซึ่งการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์และเมื่อได้รับยาปฏิชีวนะ ต้องทานยาจนหมดแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อให้หายขาดและไม่กลับเป็นซ้ำ เพราะหากทานยาไม่ครบตามกำหนดอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย นอกจากอาการจะไม่ดีขึ้นแล้ว การใช้ยาปฏิชีวนะที่มากเกินไปก็มีผลทำให้เชื้อดื้อยาได้
ไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส
เมื่อหายป่วยร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนั้น แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดมีหลายสายพันธุ์แตกต่างกันตามช่วงเวลา
จึงมีโอกาสติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ อีกได้
ดังนั้นเราจึงควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้กับตัวเอง ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ล้างมือบ่อยๆ
และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยหวัด
อ้างอิง : โรงพยาบาลรามคำแหง
หนาวนี้ โปรดระวัง ‘ฝุ่น PM 2.5 ‘ จะกลับมา!
เจ็บนิ้วมืออาจไม่ใช่ออฟฟิศซินโดรม