เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 รัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการต่างๆ เช่น ประกาศหยุดงาน
ปิดถนน/ทางด่วนบางเส้นทาง ลดจำนวนเที่ยวของการขนส่งสาธารณะ ห้ามทัวร์จีนเดินทางไปต่างประเทศ
ห้ามจัดกิจกรรมชุมนุมทุกประเภท ปิดสถานที่ต่างๆที่เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อไวรัสฯ
(โรงภาพยนตร์ ร้านสปา ร้านนวด สถานที่ท่องเที่ยว) เลื่อนการจัดประชุม/งานนิทรรศการ/
งานแสดงสินค้า/การแข่งขัน กีฬา
ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายในพื้นที่สาธารณะ/ทางเข้าอาคาร(หากพบว่า อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า
37.3 องศาเซลเซียส
จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด) ห้ามล่า/จำหน่าย/ซื้อ/บริโภคสัตว์ป่าทุกชนิด
นอกจากนี้ในบางพื้นที่มีควบคุมการเข้า-ออกที่พักอาศัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะในมณฑลหูเป่ย กวางตุ้ง เหอหนาน เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แต่ขณะนี้มาตรการข้างต้นได้ทยอยยกเลิกไปแล้ว
เนื่องจากรัฐบาลจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ได้ในระดับหนึ่ง
ประกอบกับภาคธุรกิจจำเป็นต้องเปิดทำงานเพื่อมิให้เศรษฐกิจจีนหยุดชะงัก
ทั้งนี้
เพื่อให้บรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ภาครัฐจีนได้มีมาตรการต่างๆ ช่วยเหลือธุรกิจ
เช่น การส่งเสริมให้พนักงานกลับมาทำงาน
การให้เงินอุดหนุนให้แก่ธุรกิจภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
การให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน การให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายการอำนวยความสะดวก ด้านการค้าระหว่างประเทศและยกระดับการให้บริการภาครัฐ
การยกเลิกค่าผ่านทางด่วนทั่วประเทศ (มีผลตั้งแต่วันที่17 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป
จนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสฯ จะหมดไป) เป็นต้น
อนึ่งคาดการณ์ว่าธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการระบาดของไวรัสฯ คือ ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศมาโดยตลอด
เนื่องจากธุรกิจขนาดกลางและเล็กมีเงินทุนหมุนเวียนไม่มากนัก
ข้อมูลจากธนาคารกลางจีน (the People's Bank of China) ระบุว่าโดยทั่วไปแล้วร้อยละ
60 ของ GDP จีนมาจากธุรกิจขนาดกลางและเล็ก และร้อยละ 80 ของจำนวนแรงงานในจีนมาจากการจ้างงานของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
พฤติกรรมของผู้บริโภคในจีนช่วงมีการระบาดของไวรัส
COVID-19
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19
ผู้บริโภคในจีนจึงหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านพฤติกรรมการบริโภคจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
การสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยม
เช่น Tmal.com, JD.com, Taobao.com, Pinduoduo.com โดยพบว่าช่วงการระบาดของไวรัส
COVID -19 เป็นช่วงเวลาที่ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนเองได้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่มีการปิดเมือง
ปิดหมู่บ้าน และมีความกังวลที่จะออกไปจับจ่ายในซุปเปอร์มาเก็ต เนื่องจากกลัวติดเชื้อไวรัสฯ
จึงทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเกี๊ยวแช่แข็ง ต่างมีจำนวนสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งหม้อไฟสำเร็จรูปและข้าวกล่องสำเร็จรูป
พร้อมรับประทานแบบอุ่นร้อนเองได้ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจากสมาคมอาหารและเครื่องดื่ม
เปิดเผยว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 93 ต่างเลือกที่จะปิดร้านในช่วงการระบาดของไวรัสฯ
ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกที่จะทำอาหารรับประทานเอง แต่อย่างไรก็ตามจากต้องทำอาหารรับประทานเองเป็นเวลานาน
ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการที่จะรับประทานอาหารที่มีรสชาติจัด
ทำให้หลัวซื่อเฟิ่นสำเร็จรูป หรือก๋วยเตี๋ยวยอดนิยมของเมืองกว่างสี ที่มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดติดอันดับ
1 สินค้าขายดีบนแพลตฟอร์ม Taobao ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา
ประกอบกับในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผู้คนเริ่มทยอยกลับมาทำงาน ทำให้ผู้บริโภควัยทำงานส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหันมาเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนเอง
ได้มากกว่าการไปรับประทานอาหารที่ร้านหรือสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่
เมื่อเปรียบเทียบความสะดวกในการรับประทาน
ระหว่างผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนเองได้กับเกี๊ยวแช่แข็ง
พบว่าผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานแบบอุ่นร้อนเองได้ เป็นอาหารที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องครัวเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์สุก
ซึ่งมีความสะดวกเป็นอย่างมาก
จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคคนหนุ่มสาว
โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Tmall เปิดเผยว่า
กลุ่มผู้บริโภคหม้อไฟสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนเองได้ ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 18
– 24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาและเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงาน
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.75 ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภคที่รองลงมา
มีอายุอยู่ระหว่าง 25 – 29 ปี คิดเป็นร้อยละ 19.6
นอกจากนี้ยังมีผู้บริโภคที่ไม่นิยมผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนเองได้ ก็เริ่มหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแบบร้อนเองได้ ได้รับการตอบรับและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นโอกาสที่จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
โอกาสของผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปไทย
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทยและแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ
ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย ความต้องการอาหารสำเร็จรูปแบบอุ่นร้อนได้เองในช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัส
COVID – 19 ถือว่าเป็นโอกาสของผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากอาหารไทยมีความหลากหลายและมีรสชาติที่ถูกปากชาวจีน แต่อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของไทยยังมีจำนวนจำกัดในตลาดจีน
และมีรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่หลากหลายเท่าที่ควร
โดยเฉพาะในตลาดออนไลน์ของจีน
ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยที่จะพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์
และใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ในการพัฒนารูปแบบการอุ่นร้อนเองได้ของอาหาร ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน
ตลอดจนใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของไทย เข้าสู่ตลาดออนไลน์ของจีนให้มีความแพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากขึ้น
อ้างอิง :
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ https://www.cbndata.com/information/37666