โค้งสุดท้ายช่วงเปลี่ยนผ่าน "อังกฤษ" หลัง Brexit มีผล 1 ม.ค. 2564
หลังสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 และเริ่มเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition
Period) เพื่อเตรียมตัวสำหรับความสัมพันธ์ในอนาคตของทั้งสอง
โดยช่วงเวลาดังกล่าวมีกำหนดเวลา 1 ปี จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นี้
ประเด็นสำคัญในระหว่างการเปลี่ยนผ่านกำลังดำเนินการอยู่นี้
อังกฤษจะสูญเสียสมาชิกภาพของตนในสถาบันการเมืองต่างๆ ของอียู คือไม่ได้อยู่ร่วมในรัฐสภายูโรป
หรือคณะกรรมาธิการยุโรป ดังนั้นอังกฤษจะไม่มีสิทธิ์ลงมติหรือลงคะแนนเสียงใดๆ
แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของอียูและยังต้องจ่ายเงินสมทบให้อียูต่อไป
ขณะเดียวกันพลเมืองอังกฤษจะพ้นจากการเป็นพลเมืองยุโรปด้วย
ในช่วงเวลา 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเจรจาความตกลงการค้าระหวางอียูที่เข้มข้นมาเป็นอย่างมาก ล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้จัดให้มีการเจรจารอบที่ 8 ขึ้น ระหว่างวันที่ 8-10 กันยายน 2563 ณ กรุงลอนดอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เป้าหมายสำคัญของการเจรจารอบนี้ เพื่อหาข้อสรุปในประเด็นที่ยังคงค้าง
ทั้งเรื่องการแข่งขันอย่างเท่าเทียม เรื่องสิทธิในการประมง
กฎหมายความร่วมมือด้านพลังงาน การเคลื่อนย้ายบุคคล การขนส่ง การค้าสินค้าและบริการ
และความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยอังกฤษต้องการความตกลงทางการค้ากับอียู
ในรูปแบบเดียวกับความตกลงการค้าเสรีระหว่างอียูกับแคนาดา คือ “ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าเกือบทุกรายการ"
แต่หากไม่ได้ข้อสรุปในรูปแบบนั้น
ก็เป็นไปได้ที่จะใช้รูปแบบเดียวกับความตกลงการค้าเสรี ระหว่าง EU
กับออสเตรเลีย ซึ่งนำกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) มาใช้
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลอังกฤษยังได้เตรียมการยกร่าง
"กฎหมายการค้าภายใน" หรือ "Internal Market
Bill" เพื่อปกป้องทางการค้า ระหว่างอังกฤษ สกอต์แลนด์
ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์
ในกรณีที่หากอังกฤษและอียูไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้
ก็จะนำมาสู่การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีในการตัดสินใจว่า จะกำหนดให้สินค้าชนิดใดที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายจากอังกฤษเข้าสู่อียู
โดยผ่านไอร์แลนด์เหนือ และจะต้องถูกเก็บภาษี
ไม่เพียงเท่านั้น
กฎหมายยังได้ให้อำนาจรัฐมนตรีในการยกเลิกใบขนสินค้าขาออก ในการขนส่งสินค้าจากไอร์แลนด์เหนือเข้ามายังอังกฤษ
กฎหมายดังกล่วยังมีเป้าหมายไว้เพื่อลดความคลุมเคลือของความตกลงในการถอนตัวออกจากอียู
และข้อกำหนดที่เกี่ยวกับไอร์แลนด์เหนือด้วย
ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ประเด็นความตกลงเรื่องการออกจากการเป็นสมาชิกอียูโดยไม่มีข้อตกลงรองรับ
หรือที่เรียกว่า EU Withdrawal Agreement นั้นมีข้อกำหนดที่เกี่ยวกับไอร์แลนด์เหนือ
เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องตรวจสอบบริเวณจุดผ่านแดนระหว่างอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ
ซึ่งหมายถึงการขนส่งสินค้าจากอังกฤษ สกอต์แลนด์ และเวลส์
ไปไอร์แลนด์เหนือต้องถูกตรวจสอบ และต้องผ่านพิธีการศุลกากร
ขณะที่กฏหมายการค้าภายใน
เป็นการให้อนุญาตให้ 4 ประเทศสามารถจำหน่าย
และใช้พื้นที่ใดที่หนึ่งของสหราชอาณาจักรจำหน่าย และทำการค้ากันได้โดยเสรี
และไม่ให้ทั้ง 4 ประเทศออกกฎหมายเพื่อมากีดกันสินค้าและบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่ง
ทั้งหมดยังนับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับอังกฤษและอียู ที่ต้องเดินหน้าเจรจาเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นต่างๆ ให้ได้ทันวันที่ 1 มกราคม 2564 ซึ่งภาคธุรกิจรวมถึงผู้นำเข้าและผู้ส่งออกไทย ต้องติดตามและเตรียมความพร้อมว่าต่อไประบบการค้าจะเปลี่ยนแปลง ทั้งภาษีและการส่งเสริมข้ามแดนจะส่งผลต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด