ภาพรวมเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด 19 ในอินโดนีเซีย
เศรษฐกิจอินโดนีเซียในสถานการณ์ปกติมีการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 5%
ต่อปี แต่เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 ทำให้ GDP หดตัวเหลือ -2.07%
แต่รัฐบาลตั้งเป้าจะให้กลับมาขยายตัวที่ 4-5% อีกครั้งในปีนี้
โดยไตรมาสที่ 2 GDP เติบโต 7.1% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการฟื้นตัวในระยะสั้น
เนื่องจากยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้น
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในอินโดนีเซียตั้งแต่วันที่ 3
มกราคม 2563 จนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 มีรายงานยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 4,043,736
ราย เสียชีวิต 130,182 ราย
และมีการฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้น 91,526,084 โดส ณ วันที่ 23
สิงหาคม 2564 โดยรวมสถานการณ์เริ่มดีขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและมีเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ครบจำนวน
190 ล้านคนภายในปี 2564 นี้
โอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย
อินโดนีเซียเป็นตลาดขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
มีประชากรจำนวนมากถึงประมาณ 270 ล้านคน
และกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรมีอายุต่ำกว่า 30 ปี
นอกจากนี้ยังมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ มีพื้นที่กว้างและยาว
ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ในอินโดนีเซียค่อนข้างสูง
อีกทั้งยังคงมีความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะถนน
ท่าเรือ และสนามบิน
สำหรับโอกาสในการลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ
ในอินโดนีเซียจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
คือ ธุรกิจที่โดดเด่นและกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญ ดังนี้
1. กลุ่มธุรกิจโดดเด่น: ธุรกิจสินค้าจำเป็น, ธุรกิจอาหารแปรรูป/พร้อมทาน,
ธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ, ธุรกิจเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์,
ธุรกิจ Biotechnology, ธุรกิจอินเทอร์เน็ต
และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
2. กลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญ: ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน, ธุรกิจการเกษตร, ธุรกิจอุตสาหกรรม 4.0, ธุรกิจทางทะเล, ธุรกิจการท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจดิจิทัล
ผู้ประกอบการไทยที่สนใจด้านการลงทุน
อินโดนีเซียจะให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีแตกต่างกันไปตามแต่ละนิคมและเงินลงทุนที่ก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ
ซึ่งอินโดนีเซียมีความพยายามที่จะปรับปรุงการให้ใบอนุญาตให้สะดวกมากขึ้น
ขณะที่ด้านการค้า
ผู้ประกอบการไทยจะได้สิทธิพิเศษทางการค้าตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) ซึ่งไทย-อินโดนีเซียนับว่าเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญระหว่างกัน
แต่การค้าในต่างประเทศควรระมัดระวังเรื่องการชำระค่าสินค้าทางออนไลน์
ควรใช้วิธีการทำ Letter of Credit (L/C) เพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
สำหรับสินค้าไทยที่ขายดีในอินโดนีเซียหลักๆ
จะเป็นสินค้าประเภทอาหาร โดยเฉพาะผลไม้อย่างลำไย ทุเรียน และมะม่วง
สินค้าที่เกี่ยวกับความงามก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน
แต่ต้องพยายามทำการตลาดและสร้างแบรนด์ โดยชาวอินโดนีเซียได้รับอิทธิพลจาก K-POP และ K-Drama ค่อนข้างมาก
หากทำสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจใกล้เคียงกับสินค้าจากเกาหลีก็จะสามารถแข่งขันได้เป็นอย่างดี
ผู้เรียบเรียง: ณภัสสร มีไผ่แก้ว ASEAN Analyst, AEC Connect
ที่มา:
2. Thailand Board of Investment, Jakarta Office
3. Royal Thai Embassy, Jakarta; Ministry of
Health; Ministry of Finance
4. Indonesia Investment Coordinating Board
(BKPM)
5. S&P Capital IQ (Data as of April 9,
2020) & EY Analysis
6. WHO Health Emergency Dashboard, Indonesia
7. Indonesia Country Commercial Guide,
International Trade Administration