หลังเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่และกระจายไปทั่วโลกนั้น
ทำให้เราเชื่อกันว่าวิถีชีวิตในแบบปกติที่เราดำเนินอยู่ทุกวันนี้
กำลังจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่และกลายเป็นวิถีชีวิตปกติของเรา หรือที่เรียกว่า “The
Next Normal”
OPENBOX GROUP บริษัทสถาปนิกได้อธิบายโซลูชั่น City of Future ที่จะเป็นเหมือน (สูตรสำเร็จ) ของการออกแบบการพัฒนาเมืองที่สอดรับกับ The Next Normal
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับแนวคิดการออกแบบการพัฒนาเมืองภายใต้แนวคิด
S-E-N-S-E ที่รวม 5 โซลูชั่น
สำหรับ City of the Future เมืองแห่งอนาคตที่ยั่งยืน ดังนี้
1. S - Space Efficiency : การจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นแนวคิดการจัดการพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยหนึ่งในโซลูชั่นที่จะเข้ามาตอบโจทย์แนวคิดนี้ก็คือ
อาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม
ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาการใช้พื้นที่และทรัพยากรที่มีจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ
กล่าวคือหากเปลี่ยนการใช้พื้นที่ในแนวราบแบบกระจายตัวมารวบเป็นอาคารสูง
จะทำให้มีพื้นที่เหลือในการใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้มากขึ้น
โดยเฉพาะการมีพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ในเชิงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอาคารสูงยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคโควิดที่ผู้อยู่อาศัยจะแยกกันอยู่คนละชั้น
ได้รับแสงแดดที่เพียงพอ และไม่มีปัญหาเรื่องการใช้อากาศร่วมกัน
ให้ความรู้สึกปลอดภัยห่างไกลโควิดได้มากกว่าบ้านที่เป็นแนวราบ
2. E - Energy Sharing : การออกแบบเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยปัจจุบันจะพบว่าคอนโดมิเนียมจะมีการใช้พลังงานสูงสุดในช่วงเวลากลางคืน
แต่ช่วงกลางวันการใช้พลังงานจะลดลงไป ขณะที่อาคารสำนักงานจะใช้พลังงานสูงสุดในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น
แต่จะลดการใช้ลงในช่วงกลางคืน
ซึ่งแต่ละอาคารเหล่านั้นจะติดตั้งอุปกรณ์การจัดการพลังงานของตนเอง
อุปกรณ์เหล่านั้นจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ มีพลังงานเหลือเกินความต้องการ
ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Energy Blockchain หรือ Digital
Energy กรณีมีพลังงานเหลือก็จะนำไปขายให้แก่ตึกที่อยู่ใกล้เคียงและใช้ในแบบเหลื่อมเวลากัน
หรืออีกแนวคิดที่เรียกว่า District Cooling ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์
โดยสามารถส่งความเย็นไปยังสถานที่อื่นๆ ใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารสำนักงาน
ห้าง และคอนโดมิเนียม ถือเป็นแนวคิดการลดใช้พลังงาน
ลดการใช้อุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น
3. N - Nature & Green : การให้ความสำคัญกับธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว
เช่น แนวคิดการขยายพื้นที่สวนสาธารณะขนาดย่อม (pocket park) ให้กระจายตัวมากขึ้นในเขตเมือง
และให้เพียงพอกับระยะคนเดิน ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าแห่ง pocket park แห่งหนึ่งของโลก หรือในประเทศสิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา
ที่นอกจากจะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่แล้วยังมี pocket park อีกหลายแห่ง
ส่วนอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ park network สวนสาธารณะหลายๆ
แห่งที่ผู้คนสามารถเดิน วิ่ง หรือขี่จักรยาน
เชื่อมถึงกันได้โดยไม่ต้องผ่านหรือใช้ถนน
ซึ่งแนวคิดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการออกแบบทั้งสิ้น
4. S – Synchronization of
Multi-Functions : การออกแบบอาคาร
สถานที่ หรือเมือง ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย
สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของเมืองในซีกโลกตะวันออกที่เป็นแบบผสมสาน (Mixed-use) โดยออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนโหมดของอาคาร
สถานที่ หรือเมืองได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ อย่างเช่น
คอนโดมิเนียมในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด
จะเห็นได้ว่าหลายแห่งจะกำหนดการใช้ลิฟท์แบบจำกัด หรือจำกัดจำนวนของคนใช้ลิฟท์
ซึ่งในอนาคตการออกแบบจะสามารถเข้ามาเพิ่มเติมฟังก์ชั่นต่างๆ
ให้ทุกชีวิตในยุคโควิดมีความสบายใจมากขึ้น อาทิ ล็อกเกอร์รับ-ส่งอาหาร
หรือสิ่งของต่างๆ โดยผู้รับและผู้ส่งไม่ต้องเจอหน้ากัน และการออกแบบพื้นที่แบบ space
in space ภายในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง โดยใช้อุปกรณ์เพื่อแยกความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยมากขึ้น
เพื่อไม่เกิดความระแวงในการใช้พื้นที่ส่วนรวม
5. E - Explorations of Innovations : การคิดค้น พัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมการอยู่อาศัยที่จะเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน
โดยการออกแบบบ้าน คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน
สามารถดึงนวัตกรรมเหล่านี้เข้ามาเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยตอบโจทย์กับชีวิต New
Normal อย่างเช่น ลิฟท์ ปัจจุบันคอนโดมิเนียมหลายแห่งใช้โถงลิฟท์ (private
lift) ส่วนตัวเข้ามาใช้มากขึ้น
นอกจากจะเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยในยุคโควิดแล้ว
ยังตอบโจทย์การซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนได้ เพราะลิฟท์ที่แยกออกมาต่างหากนั้น
จะไม่เป็นการรบกวนกับเจ้าของห้องจริงที่เป็นผู้อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมนั้นๆ เลย
ปัจจุบันยังพบด้วยว่ามีการคิดค้นลิฟท์ในรูปแบบต่างๆ ไว้มากมาย เพื่อรูปแบบการอยู่อาศัยที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ในยุคโควิดได้เป็นอย่างดี อาทิ ประตูสองชั้น ที่ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยในการคัดกรองคนเข้าออก และอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ การออกแบบพื้นที่ในสำนักงาน หรือ Co-Working Space ที่ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค และ Smog-eating surface สีหรือพื้นผิวที่สามารถดูดซับเชื้อโรค ฝุ่นละลองพิษต่างๆ เป็นต้น