ส่องตลาดเครื่องดื่ม Non-Alcohol โตสวนกระแสแม้โควิดระบาด
การระบาดของโควิด 19
ทำให้พวกเราต้องใช้ชีวิตแบบเว้นระยะห่างทางสังคม
ส่งผลให้การบริโภคเครื่องดื่มนอกบ้านปรับตัวลดลงตามไปด้วย ทั้งจากมาตรการควบคุมโรค
รวมถึงการระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน และกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค
ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องดื่มนอกบ้าน โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
สอดคล้องกับรายงาน Food Report 2564 จัดทําโดยสถาบันวิจัย Zukunftsinstitut ร่วมกับหนังสือพิมพ์
Lebensmittel Zeitung, foodservice และ gv-praxis ของเยอรมนีระบุว่า ผู้บริโภคจํานวนมากหันมาเลือกเครื่องดื่มทดแทนหรือเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์
ซึ่งเห็นได้ชัดในเวลานี้ว่า
ผู้บริโภคส่วนหนึ่งชอบเครื่องดื่มแปลกใหม่ที่มีรสชาติหลากหลายมากขึ้น
และไม่จำเป็นต้องเน้นแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว
ทำให้ทิศทางของเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เติบโตสวนกระแสอย่างเห็นได้ชัด โดยเครื่องดื่มกลุ่มนี้ ได้แก่ เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ เบียร์วีแกน ปลอดน้ำตาล ปลอดกลูเตนไซรัปและน้ำผลไม้เข้มข้นที่ใช้ในการผสมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ หรือทำเป็นค็อกเทล เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของพืชและสมุนไพร ตลาดกลุ่มนี้มีแนวโน้มการขยายตัวมากขึ้นถึง 31% และลากยาวไปจนถึงปี 2567 เลยทีเดียว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่ม Non-Alcohol เติบโตสวนกระแส
ในขณะที่ประเทศไทย ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
(Non-alcoholic
Beverages) ในประเทศ ปี 2564 เติบโตอยู่ที่ประมาณ 1.97-1.99 แสนล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 0.5-1.5% โดยเฉพาะสินค้าเครื่องดื่มเฉพาะกลุ่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยผลักดันตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ให้เติบโตขึ้นแม้ในสถานการณ์โควิด
19
เมื่อได้รับการตอบรับจากตลาดมากขึ้น
รัฐบาลไทยจึงมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้
ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในประเทศไทยมีหลากหลายประเภท และมีจำนวนผู้ประกอบการมากราย
ซึ่งมีโครงสร้างอุตสาหกรรมแตกต่างกันในแต่ละประเภท ส่งผลให้การส่งออกเครื่องดื่มของไทยส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
ทั้งนี้เครื่องดื่ม
Non–Alcohol
ไม่ได้หมายความว่า
เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมอยู่เลย แต่มีในปริมาณที่ต่ำ
จนกฎหมายอนุญาตให้ใช้คำว่าไร้แอลกอฮอล์ในการเรียกผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งในประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) กำหนดให้มีปริมาณแอลกอฮอล์คงเหลือในผลิตภัณฑ์ไม่เกินร้อยละ 0.5% และการโฆษณาต้องไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสาระสำคัญของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
ส่องตลาดต่างประเทศ
พร้อมปรับตัวมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคบางส่วนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
อาจทำให้เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่และกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก
เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดเบียร์มีแอลกอฮอล์ได้ ถือเป็นความท้าทายในธุรกิจที่ต้องเผชิญการแข่งขันในตลาดที่สูง
ยกตัวอย่างบริษัทอาซาฮี
กรุ๊ป โฮลดิ้ง ผู้ผลิตเครื่องดื่มอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ที่ประกาศเพิ่มการผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์
และลดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงเหลือ 20% ในปี 2568 ซึ่งเป็นการลดยอดขายลงมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปี
2562
เทรนด์เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์หรือแอลกอฮอล์ต่ำนี้ยังขยายไปถึงประเทศอื่น
เช่น เกาหลีใต้ Hitejinro
ผู้ผลิตโซจูรายใหญ่ของเกาหลี ก็ได้ลดปริมาณแอลกอฮอล์ใน Chamisul
Fresh โซจูแบรนด์ดังของบริษัทจาก 19% ลดลงเหลือ
16.9%
ดังนั้นเมื่อการแข่งขันในตลาดมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น
เพื่อหาโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดและกำลังซื้อจากผู้บริโภค ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ
ปรับกลยุทธ์เพื่อสอดรับกับเทรนด์ตลาดเครื่องดื่มในยุคปัจจุบัน
แหล่งอ้างอิง :
https://www.thebusinessbite.cloud/
https://www.smethailandclub.com/