แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ในประเทศไทยจะมีทีท่าว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ธุรกิจหลายประเภทสามารถกลับมาดำเนินการได้
รวมทั้งรับได้มีมาตรการเยียวยาภาคประชาชนและเอกชนในหลายกลุ่ม ตลอดจนมาตรการ
Soft Loan เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเยียวยาเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ
และการพักชะระหนี้
ทั้งนี้สำหรับมาตรการด้านภาษี ซึ่งล่าสุดกรมสรรพากรได้มีได้ออกมาตรการภาษีเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อเป็นการบรรเทาและแบ่งเบาภาระของผู้เสียภาษีทั้งกลุ่มบุคคลและกลุ่มนิติบุคคล โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับ ‘ค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัย’
ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทำหน้าที่เฝ้าระวัง
สอบสวน ป้องกัน ควบคุม รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19
เช่น แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่สืบสวนโรค พนักงานขับรถส่งผู้ป่วย
รวมทั้งบุคคลที่มิใช่ข้าราชการหรือข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุข
โดยเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าตอบแทนเสี่ยงภัยที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุขในปีภาษี 2563
2.
เพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ จากเดิมที่สามารถหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน
15,000 บาท เพิ่มเป็นหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน
100,000 บาท เริ่มตั้งแต่ปีภาษี2563 เป็นต้นไป
เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น และมีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพลดลง
3. เลื่อนเวลายื่นแบบและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2562
รอบ 2 โดยกรมสรรพากรได้ออกมาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบฯ เพิ่มเติมอีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุด
30 มิถุนายน 2563 เป็น 31 สิงหาคม 2563 เป็นมาตรการบรรเทาภาระให้แก่ผู้เสียภาษีที่จากเดิมได้มีมาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบฯ
ออกไป
มาตรการสำหรับกลุ่มนิติบุคคล
1. เลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยเลื่อนการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 จากเดิมที่ต้องยื่นในเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม
2563 เป็นถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และเลื่อนการยื่นแบบ ภ.ง.ด.51
จากเดิมที่ต้องยื่นในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2563 เป็นถึงวันที่ 30 กันยายน
2563
2. เลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องหยุดกิจการตามคำสั่งของทางราชการ
และผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจะได้รับการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีออกไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดต่อไป
3. มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของเจ้าหนี้ที่มิใช่สถาบันการเงิน
ซึ่งจะช่วยเร่งให้การปรับโครงสร้างหนี้ของผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
ช่วยให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
สามารถฟื้นฟูฐานะและกิจการแล้วประกอบอาชีพและธุรกิจต่อไปได้
ส่วนทางด้านเจ้าหนี้และระบบสถาบันการเงินในภาพรวมจะมีต้นทุนลดลงและสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชนและธุรกิจต่างๆ
เพิ่มเติมได้ ได้แก่ เจ้าหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล
สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด เช่าซื้อ ลีสซิ่ง
และเจ้าหนี้อื่นที่ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกับสถาบันการเงิน โดย
(1) ยกเว้นภาษีเงินได้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้
(2) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญให้แก่เจ้าหนี้ทั้งนี้ สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
TAX from Home ผ่อนคลายระเบียบ/ขั้นตอนภาษีให้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันกรมสรรพากรได้แนะนำให้ผู้ประกอบการและประชาชนทำธุรกรรมภาษีที่บ้าน
TAX from Home ทั้งการลงทะเบียน การยื่นแบบ การชำระภาษีและการคืนเงินภาษี ใช้บริการง่าย
สะดวก ปลอดภัยผ่านออนไลน์ไม่ต้องเดินทาง ช่วยลดและป้องกัน COVID– 19 แพร่ซ้ำ พร้อมได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้บริการชำระภาษีออนไลน์
TAX
from Home เป็นโครงการที่กรมสรรพากรได้ผ่อนคลายระเบียบและขั้นตอนต่างๆ
เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนเข้าถึงการทำธุรกรรมภาษีในทุกมิติได้ง่ายที่สุด
และยังเป็นการร่วมมือกับภาคการเงินเพื่อสนับสนุนการทำธุกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งด้านการรับและการจ่ายเงินของภาคธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมในภาวะการณ์เช่นนี้
โครงการนี้จะเริ่มผ่อนคลายตั้งแต่
o การลงทะเบียน e-Registration ขอยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ต ที่สามารถทำแบบออนไลน์ และสามารถนำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องผ่านทาง
e-mail ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องไปยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาอีกต่อไป
และเมื่อผ่านการอนุมัติก็จะได้รับ
User ID &
Password เพื่อเริ่มใช้บริการได้เลยทันที
o การยื่นแบบ e-Filing ได้สิทธิพิเศษขยายเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์ออกไปอีก ทำให้ภาคเอกชนมีระยะเวลาในการบริหารกระแสเงินสดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
o การชำระภาษี e-Payment ธนาคารเกือบทั้งหมดร่วมมือกัน
ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการสำหรับแบบที่ยื่นและชำระภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์จากนี้จนถึงสิ้นปี
2563
o การคืนเงินภาษี e-Refund ผู้เสียภาษีที่ชำระภาษีไว้เกิน กรมสรรพากรจะดำเนินการคืนเงินให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ก็เป็นอีกหนึ่งบริการคืนเงินที่กรมสรรพากรและธนาคารร่วมกันให้บริการ
ทั้งนี้ TAX from Home ทำให้สามารถประกอบธุรกิจและมีการทำธุรกรรมภาษีแบบ Social Distancing ไม่จำเป็นต้องเจอหน้า ไม่มีการรับส่งเอกสาร ไม่มีการจับธนบัตรหรือเช็ค ไม่มีการสัมผัสใดๆ ซึ่งกันและกัน ซึ่งธุรกรรมแบบ Paperless & Cashless นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีทุกราย
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร
(RD Intelligence
Center) โทร. 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ