“Laveena” มุ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อภารกิจยกระดับ “ใบเตยไทย” สู่การเป็น Functional Ingredient ระดับโลก
แม้ปัจจุบัน เบเกอรี่จะเป็นสินค้า Mass ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่ชื่อของ “Laveena” เบเกอรี่ท้องถิ่นจากจังหวัดพิจิตร กลับกลายเป็นกรณีที่น่าสนใจของ SME ไทยที่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนท่ามกลางตลาดที่อิ่มตัว ด้วยจุดยืนที่ไม่เพียงทำขนมให้อร่อย แต่ยังใช้ขนมเป็นเครื่องมือสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น
คุณวีนา เทศนา ผู้ก่อตั้งและผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “บริษัท วรรณาวีย์ จำกัด” เข้าใจดีว่า การเติบโตธุรกิจยุคนี้ต้องมาพร้อมการสร้างนวัตกรรมจากรากฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่การออกแบบระบบธุรกิจตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
Laveena จึงไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กใบเตยหรือขนมฝรั่งสไตล์พรีเมียมในราคาย่อมเยาเท่านั้น แต่คือผู้บุกเบิกที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าท้าทายว่า “ใบเตย” พืชพื้นบ้านที่ดูแสนจะธรรมดาของไทย จะสามารถก้าวขึ้นเป็น Functional Ingredient ระดับโลกได้หรือไม่
และคำตอบนั้น กำลังค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นจริงแล้วในวันนี้
ธุรกิจเบเกอรี่เล็ก ๆ สู่ SME เจ้าของนวัตกรรมต่อยอดวัตถุดิบท้องถิ่น
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน “Laveena Coffee and Bakery” ถือกำเนิดจากความชื่นชอบเบเกอรี่โฮมเมดสไตล์อเมริกันของคุณวีนา เธอตั้งใจนำวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ใบเตย” มาพัฒนาเป็นขนมพรีเมียมราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้แนวคิด “เหมือนทำกินเองที่บ้าน” คุณภาพวัตถุดิบจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ Laveena ยึดถือมาตลอด
“ขนมที่ขาย เราใช้วัตถุดิบอย่างดีเหมือนกับที่เราทำกินเอง ซึ่งลูกค้ารับรู้ได้ และเลือกที่จะกลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อย ๆ” คุณวีนากล่าวด้วยรอยยิ้ม
Laveena สร้างชื่อเสียงในจังหวัดพิจิตร และมีจุดพลิกผันเมื่อได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ Café Amazon ซึ่งถือเป็นการบุกตลาดเบเกอรี่ในโมเดิร์นเทรดครั้งแรกของแบรนด์ ก่อนจะหันมาพัฒนาต่อยอดด้วยการเปิดคาเฟ่ของตนเอง และขยับสู่บทบาทใหม่ในการเป็นผู้สร้างนวัตกรรมวัตถุดิบ จุดนี้เองที่ทำให้คุณวีนาเริ่มเดินหน้าในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) และนวัตกรรมกระบวนการ (Process Innovation) อย่างจริงจัง
ยกระดับใบเตยไทย ด้วยหัวใจของนักพัฒนา
คุณวีนาเล่าว่า “ช่วงแรกเริ่ม เราทดลองใช้วัตถุดิบไทยหลายอย่าง เช่น ส้มโอ มะขาม แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่ใบเตย เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ต้องใช้ปุ๋ยหรือยา”
อย่างไรก็ดี คุณวีนาเล็งเห็นว่าปัญหาสำคัญของการใช้ใบเตยสด คือมาตรฐานของรส สี และกลิ่นที่ไม่คงที่ตามฤดูกาล จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ R&D ที่นำไปสู่นวัตกรรม “Pandan Pantone” แปรรูปใบเตยเป็นผงสีธรรมชาติ คงรสชาติและกลิ่นหอมของใบเตยแท้ได้อย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่ใช้ผลิต
ภายใต้นวัตกรรมกระบวนการดังกล่าว คุณวีนาได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและนักวิจัยในการคิดค้นเทคโนโลยีสกัดอุณหภูมิต่ำ ควบคู่กับการทำ Freeze-dry และ Encapsulation จากวัตถุดิบธรรมชาติ ทำให้ได้ผงใบเตยที่มีคุณสมบัติคงที่ทั้งในด้านสี กลิ่น และรส โดยไม่ต้องพึ่งพาใบเตยสดที่มีความผันแปรสูงอีกต่อไป
และที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถสกัดสาร 2-AP (2-acetyl-1-pyrroline) จากใบเตยได้สูงกว่ากระบวนการทั่วไปถึง 10 เท่า สารนี้ไม่เพียงแต่เป็นสารหอมธรรมชาติในใบเตยเท่านั้น แต่ยังเป็นสารในกลุ่ม Mood Enhancing Functional Ingredient ที่ช่วยลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์เทรนด์ Functional Food ที่กำลังเติบโตทั่วโลก
ความสำเร็จของนวัตกรรม Pandan Pantone ทำให้บริษัทได้รับการยอมรับในวงการธุรกิจนวัตกรรมอย่างกว้างขวาง คว้ารางวัลชนะเลิศระดับภาคเหนือ จากโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย นิลมังกร ซึ่งเฟ้นหา SME ศักยภาพสูงเพื่อเติบโตเป็นยูนิคอร์นในอนาคต รวมถึงรางวัล 7 Innovation Awards ที่ตอกย้ำความแข็งแรงของโมเดลธุรกิจ เริ่มจากโจทย์เล็ก ๆ พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้จริง
นอกจากนี้ ยังมีรางวัลจากเวที Genius Academy ซึ่งยกให้ผลิตภัณฑ์ขนมจากใบเตยเป็นตัวอย่างของการพัฒนาวัตถุดิบพื้นบ้านให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งนวัตกรรมและความร่วมสมัย ตลอดจนรางวัลด้าน Branding และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรจากโครงการ Agro Beyond Academy ที่ช่วยสร้างภาพจำใหม่ให้ใบเตยไทยในฐานะวัตถุดิบที่ทรงคุณค่าและน่าจับตา
เน้นการเติบโตแบบยั่งยืนด้วยแนวคิด Inclusive Growth
“เพราะเกิดการตั้งคำถามว่า เราจะสามารถพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนได้หรือไม่ ทำให้เราเริ่มคิดเรื่องการช่วยเหลือคนในชุมชนควบคู่กับการทำธุรกิจ ด้วยการสร้างงาน สร้างรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น”
จะเห็นได้ว่าคุณวีนาไม่ได้มองเพียงผลกำไร แต่ใช้โมเดลธุรกิจสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน (CSV-Creating Shared Value) ส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้หันมาปลูกใบเตยอินทรีย์ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ปัจจุบันมีเกษตรกรในเครือข่ายกว่า 10 ราย พร้อมเตรียมยื่นขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication) ให้กับแหล่งปลูกใบเตยในอำเภอตะพานหิน เพื่อสร้างมาตรฐานและมูลค่าเพิ่มให้ใบเตยกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่มีความเฉพาะตัวในระดับสากล
โมเดลนี้เป็นแนวคิดการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ โดยสร้างคุณค่าในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป ไปจนถึงการจำหน่าย โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวทางการจัดการแบบ Zero Waste ที่ลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย เช่น การนำเปลือกไข่จากโรงงานเบเกอรี่มาพัฒนาเป็นปุ๋ย ไปจนถึงการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นกระดาษชีวภาพ (Bio-based Packaging)
“เอาจริง ๆ ก็ท้าทายนะคะ พอเราจะใช้กล่องกระดาษ ก็กลายเป็นว่ากระดาษแพงกว่าพลาสติกไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เรากำลังค่อย ๆ ปรับตัวอยู่ค่ะ โดยมีการวางแผนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งคาดว่าปีหน้าเราจะมีโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มากขึ้น” คุณวีนากล่าว
ก้าวสู่เป้าหมายระดับโลก เพื่อเป็น Global Premium Ingredient Brand
ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว คุณวีนาตั้งเป้าที่จะผลักดัน “ใบเตย” วัตถุดิบพื้นบ้านของไทย ให้เป็น Global Premium Ingredient Brand ที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างสง่างาม ภายใต้แบรนด์ “เตยย์” ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ผู้บริโภคที่กำลังมองหาทางเลือกที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายทั่วไป ตลอดจนกลุ่ม Wellness Enthusiasts ที่ให้ความสำคัญกับ Functional Ingredient และคุณค่าของวัตถุดิบเป็นหลัก เพื่อดูแลสุขภาพอย่างรอบด้านอีกด้วย
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่คุณวีนาคิดค้นและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เช่น
ผงใบเตยบริสุทธิ์ (Pure Pandan Leaf Powder) ที่ผ่านการสกัดด้วยเทคโนโลยีอุณหภูมิต่ำ ช่วยให้ได้สารความหอมธรรมชาติ 2-AP (2-acetyl-1-pyrroline) ในปริมาณที่สูงกว่ากระบวนการทั่วไปถึง 10 เท่า และ Encapsulation เพื่อคงความหอมของสารดังกล่าวให้อยู่ได้นานมากขึ้น จากนั้นจึงนำมาผ่านกระบวนการทำแห้ง ทั้งในรูปแบบ Spray Dry และ Freeze Dry เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สะดวก พร้อมใช้ได้ทันที และที่สำคัญสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานถึง 1 ปี
ผลิตภัณฑ์ผงใบเตยแบบ 2-in-1 สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในการชงดื่ม เช่น ชาใบเตย หรือเครื่องดื่มใบเตยเพื่อสุขภาพ
Functional Bakery เช่น เค้กใบเตยไขมันต่ำ สังขยาใบเตยสูตรไร้ไข่ ไร้กะทิ หรือคุกกี้โบราณที่ผสมสารสกัดใบเตย ซึ่งกำลังพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคสายสุขภาพ
ภายใต้เป้าหมายนี้ บริษัท วรรณาวีย์ จำกัด จึงไม่ได้มุ่งขายเพียงสินค้า แต่กำลังวางระบบแบรนดิ้งและ กลยุทธ์การตลาดเพื่อสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ใบเตยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งผ่านนวัตกรรม การควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน และการสร้างเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story) ที่แข็งแรง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของคุณวีนา ไม่ใช่แค่ทำให้ใบเตยขายดี แต่คือการทำให้กลายเป็นชื่อที่ผู้บริโภคทั่วโลกรู้จักในฐานะวัตถุดิบไทยคุณภาพสูง ที่มีรากฐานจากธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และความตั้งใจของ SME ไทยที่กล้าฝันใหญ่และไปให้ถึง
“กระบวนการพัฒนานวัตกรรมอาจไม่สมบูรณ์แบบในครั้งแรก
แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและความอดทน
ที่ผลักดันให้เราไม่หยุดนิ่ง และก้าวผ่านปัญหาแต่ละด่านไปได้”
คุณวีนาสะท้อนภาพผู้ประกอบการ SME ไทย ที่สร้างธุรกิจจากความเข้าใจปัญหา และเชื่อมั่นในศักยภาพของสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว เธอเริ่มต้นจากครัวเล็ก ๆ ในบ้านที่จังหวัดพิจิตร ด้วยพื้นฐานความรู้ด้านศิลปะ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และสูตรเบเกอรี่โฮมเมดจากต่างประเทศ ก่อนจะสานต่อภูมิปัญญาครอบครัวที่ทำขนมไทยและใช้ใบเตยมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย และนำทุกสิ่งที่มีมาหล่อหลอมเป็นแบรนด์ที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่คำว่า “เบเกอรี่” แต่ค่อย ๆ พัฒนาด้วยนวัตกรรมที่ทำใบเตยสดให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของ Functional Ingredient ได้สำเร็จ
และหากวันหนึ่ง ใบเตยจะกลายเป็น Functional Ingredient ซึ่งเชฟระดับโลกต้องมีติดครัว ผู้บริโภคต้องมีติดบ้าน และอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพต้องการ นั่นเป็นเพราะ SME รายหนึ่งกล้าหยิบวัตถุดิบธรรมดา มาแปรเปลี่ยนด้วยนวัตกรรม จน “ใบเตย” ไม่ใช่แค่ส่วนผสมพื้นบ้านสุดเบสิกอีกต่อไป แต่กลายเป็น “ส่วนผสมอันทรงคุณค่าของไทย” ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และมองเห็นศักยภาพในการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ระดับสากล