เมื่อช่วงต้นปี 2564 สปป. ลาว คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2564-2568
เศรษฐกิจจะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4% ต่อปี
แต่ในช่วงกลางปีธนาคารโลก ประจำ สปป. ลาว รายงานว่าสถานการณ์โควิด 19 ระลอกใหม่ใน สปป. ลาว และประเทศใน ‘อาเซียน’ จะส่งผลกระทบให้ GDP ของ สปป. ลาว ในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 3.6% หรืออาจจะน้อยกว่านี้
โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ภาคขนส่งและภาคบริการ, การอ่อนค่าของเงินกีบที่เร่งให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น,
อัตราการจ้างงานและกิจการครัวเรือนที่ช่วงนี้ปิดตัวลงกว่า 30%,
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศใกล้เคียงที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน
และการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกษตรกรหันมาพึ่งตนเองและนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศหันมาทำการเกษตรเพื่อส่งออกและหารายได้กลับเข้ามาในประเทศ
แม้จะเผชิญกับพิษโควิด 19 เหมือนกับประเทศอื่น ๆ
แต่ภาคธุรกิจใน สปป. ลาว ยังมีธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่
1. ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง
อย่างซูเปอร์มาร์เก็ตที่เพียงแค่ในนครหลวงเวียงจันทน์ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจหลักมีมากกว่า
100 แห่ง โดยในช่วงที่โรคโควิด 19 แพร่ระบาดมีความเติบโตเปิดสาขาเพิ่มขึ้นและออกแผนส่งเสริมการตลาดที่หลากหลาย
เช่น ไลฟ์สดและบริการส่งสินค้าฟรีในระยะ 5 กม.
ซึ่งเมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตในสปป. ลาว เติบโตก็ส่งผลดีกับสินค้าไทย
เนื่องจากมีการดึงสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่องซึ่งขณะนี้มีสินค้าไทยวางขายอยู่มากถึง
60-70% เนื่องจาก สปป. ลาว นิยมสินค้าไทยเป็นอย่างมาก
รองลงมา เป็นสินค้าจากจีนและเวียดนาม
2. ธุรกิจ E-commerce ปัจจุบันใน สปป. ลาว มีการทำไลฟ์สดบน Facebook มากขึ้นเหมือนไทยและใช้วิธีสั่งสินค้าก่อน
จ่ายทีหลัง โดยชำระด้วยเงินสด นอกจากนี้
ยังมีนักลงทุนมองเห็นโอกาสจึงพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ขึ้นมา เช่น DLUCK เน้นขายเครื่องสำอางญี่ปุ่น ไทย จีน, Enxon ขายสินค้าทั่วไป
เทคโนโลยี เครื่องแต่งกาย และ DroppinX นักลงทุนรายใหญ่ที่ดึง
FLASH EXPRESS ของไทยเข้ามาเปิดสำนักงาน
ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้จะทำให้ตลาด E-commerce ในสปป. ลาว
คึกคักและทำให้ การเชื่อมต่อ cross border e-commerce สะดวกยิ่งขึ้น
รวมทั้ง แอปพลิเคชันส่งอาหาร เช่น GOTEDDY และ foodpanda
ที่เห็นการพัฒนาและเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ
ก็ได้รับความนิยมอย่างมากด้วย
นอกจากจะมีธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากโรคระบาดแล้ว
เมื่อมองหาโอกาสธุรกิจก็ยังมีมากเช่นกัน โดยเมื่อ สปป.
ลาวปิดประเทศมานานและรัฐบาลต้องการพึ่งพาตลาดภายในเป็นหลัก และจากนโยบายเปลี่ยน Land-locked เป็น Land-linked
เพราะฉะนั้น ธุรกิจที่น่าจับตามี 2 ส่วน คือ 1.
ภาคบริการ 2. ภาคการค้าและการลงทุน ซึ่งส่วนที่เป็นภาคบริการ
ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์เข้ามาจะเป็นโอกาสสำคัญ เนื่องจากเมื่อมีรถไฟ ทางด่วน
ในอนาคตการขนส่งถนน ทางราง จะสะดวกมากขึ้น เพราะ สปป. ลาว
เป็นทางผ่านหลักในการส่งผลไม้และสินค้าอื่น ๆ ไปยังจีน นอกจากนี้
ธุรกิจเสริมความงาม เป็นธุรกิจที่มีผู้ใช้ประจำ
อีกทั้งธุรกิจการเรียนการสอนพิเศษก็สำคัญเช่นกัน
เนื่องจากโรงเรียนปิดการเรียนการสอนและนักเรียนยังไม่สามารถไปเรียนในต่างประเทศได้
ส่วนภาคการค้าการลงทุน คือ
เรื่องการลงทุนเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรและเลี้ยงปศุสัตว์ อาทิ ถั่วลิสง
แป้งมันสำปะหลัง เนื้อวัวแช่แข็ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะม่วง ทุเรียน ถั่วเหลือง
กล้วยและน้ำตาล เพื่อใช้เป็นฐานผลิตส่งออกไปยังจีนโดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษี 0%, การค้าปลีก
ค้าส่งสินค้าอุปโภค บริโภค เนื่องจากมีช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น
และการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
อย่างไรก็ดี
ผู้ประกอบการพึงตระหนักว่าสินค้าหรือแบรนด์ที่จะนำมาขายใน สปป. ลาว
ควรจะเป็นสินค้าที่ติดตลาดในไทยแล้ว เพราะจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว
แต่แบรนด์ที่ยังไม่เคยทำการตลาดในฝั่งในไทยมาก่อนจะต้องใช้เงินทุนทำการตลาดที่มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่ชาวลาวรู้จักเป็นอย่างดีอยู่ดีแล้ว
ที่มา: สัมภาษณ์สด คุณกวิน วิริยพานิชย์
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ หัวข้อ
‘โอกาสไทยอยู่ตรงไหน เมื่อเศรษฐกิจลาวยังเติบโต 4%’
ผู้เขียน : ศิริอาภา คำจันทร์