มหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงประกาศเดินหน้าจัดต่อไป
ซึ่งตามกำหนดเดิมจะถูกจัดขึ้นในเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว แต่เนื่องจากการระบาดของโควิด
19 จึงทำให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้กำหนดเวลาจัดโอลิมปิกใหม่อีกครั้งในวันที่
23 กรกฏาคม - 8 สิงหาคม
2021
สำหรับนักกีฬาที่มีรายชื่อเข้าแข่งขัน จะต้องแสดงใบรับรองการผลตรวจโควิด 19 ว่าปลอดเชื้อก่อนเข้าสถานที่แข่งขัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตาม
การแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็ยังสร้างความกังวลให้แก่หลายประเทศ เนื่องจากไม่ได้มีแค่นักกีฬาและทีมงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะต้องเดินทางมาญี่ปุ่น
ซึ่งการจัดมหกรรมนี้อาจกลายเป็นแหล่งในการแพร่เชื้อของโควิด 19 ในวงกว้าง ซึ่งจะทำให้คนญี่ปุ่นในประเทศจำนวนมากได้รับเชื้อไปด้วย
แต่ดูเหมือนว่าบรรดานักลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในกรุงโตเกียวพร้อมสนับสนุนให้โอลิมปิกเดินหน้าจัดต่อไป
แม้ว่าผู้ชมต่างชาติจะไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในญี่ปุ่น แต่การที่มีโอกาสถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทั่วโลก
จะเป็นโอกาสในการนำเสนอกรุงโตเกียวได้รับการมองเห็น และเกิดความต้องการเข้ามาลงทุน
ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นขยายตัวเติบโตได้ดี
และช่วยให้การฟื้นตัวของญี่ปุ่นหลังยุคโควิด 19 ระบาด เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นก็พยายามผลักดันโอลิมปิกสุดตัว
แม้ฝืนแรงต้านของคนในประเทศ
เพราะยังหวังใช้เป็นโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจและแสดงศักยภาพของประเทศอีกด้วย
โตเกียวโอลิมปิกกับความคุ้มค่าที่เกิดขึ้น
รัฐบาลและนักเศรษฐศาสตร์ของญี่ปุ่น
คาดการณ์กันในเบื้องต้นว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะช่วยให้เกิดเงินสะพัดมหาศาลในภาคเศรษฐกิจต่างๆ
เช่น
1.1 ล้านล้านบาท
ในภาคการก่อสร้างและการลงทุนที่เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก
202,000 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมโฆษณา
89,000 ล้านบาท จากภาคพาณิชย์และการค้าต่างๆ
ถึงแม้ว่าการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขายบัตรเข้าร่วมชมงาน
และการสูญเสียโอกาสของรายได้ในท้องถิ่น แต่ก็จะสามารถช่วยปลดล็อกความเสี่ยงให้กับคณะทำงานในอีกหลายๆ
ด้าน เช่น การจัดการทางสาธารณสุข ซึ่งถือว่าเป็นการคลายความกังวลใจให้กับชาวญี่ปุ่น
ที่สำคัญเป็นการลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียรายได้หลักของการจัดการแข่งขัน
นั่นคือการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ที่บรรดานักธุรกิจ
นักลงทุน และแบรนด์ได้ทำการเตรียมการลงทุนและวางแผนมาเป็นเวลานาน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ผู้ถือลิขสิทธิ์ในแต่ละประเทศสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลจากส่วนแบ่งพื้นที่สื่อโฆษณา
ซึ่งในหลายๆ ประเทศจะมีการผลิตโฆษณาเพิ่มขึ้นเนื่องจากความนิยมของกีฬาโอลิมปิก
และเนื่องจากว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ถือเป็นงานระดับโลก
แบรนด์หรือนักการตลาดที่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงานจะต้องมีการทำการวางแผนไว้ล่วงหน้า
ดังนั้นถ้าหากถูกเลื่อนหรือยกเลิกอีกครั้ง แน่นอนว่าแบรนด์และนักสื่อสารทางการตลาดจำนวนมากจะได้รับผลกระทบ
ในเรื่องของการเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน
เมื่อมองถึงงบประมาณทางการตลาดของแบรนด์ต่างๆ
ที่เกี่ยวกับโอลิมปิกเกมส์ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มักจะถูกใช้ไปกับการซื้อพื้นที่สื่อเพื่อการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน
โดยไม่จำกัดเฉพาะการซื้อสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น
ทั้งนี้เนื่องจากรูปแบบการใช้สปอตโฆษณา จะมีความเกี่ยวข้องกับการซื้อขายลิขสิทธิ์ทางการตลาดทั้งในระดับนานาชาติและในระดับประเทศ
ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตว่าหากการแข่งขันถูกยกเลิก
งบประมาณในการโฆษณาจากแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
โดยงบในส่วนนี้น่าจะถูกจัดสรรไปใช้กับกิจกรรมทางการโฆษณาและการตลาดอื่นๆ
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาในแต่ละประเทศจะไม่สูญเสียเม็ดเงินโฆษณา
หากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้จะต้องยกเลิกการจัดการแข่งขัน
แม้ว่าผู้จัดการแข่งขันจะมีมาตรการมาแก้ปัญหาโดยการไม่อนุญาตให้กองเชียร์ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าชมการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้
แต่ก็ยังคงมีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยออกมาต่อต้านอยู่ดี รวมไปถึงนักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้ออกมาเตือนว่า
หากมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 จากการจัดการแข่งขัน
เรื่องนี้จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมหาศาลได้
การได้เป็นเจ้าภาพในการจัดโอลิมปิก
ถือเป็นโอกาสที่ดีในการฟื้นเศรษฐกิจให้ประเทศ
แต่ในสภาวะที่ทั่วโลกต้องเชิญกับการระบาดโควิด 19
จึงต้องคำนวณถึงผลกระทบให้รอบด้าน เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยว
และเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศในอนาคต