การหาวเป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย ที่ต้องการจะรับเอาออกซิเจนจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกันนั้นก็ช่วยขับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกไป เพื่อรักษาความสมดุลของร่างกาย ดังนั้นการหาวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเรามีออกซิเจนไม่พอ หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากเกินไป ก่อให้เกิดอาการง่วง เหงา หาวนอนขึ้นมานั่นเอง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำไมคนเราต้องหาว?
ความง่วง ความเมื่อยล้า ความเบื่อหน่าย
แม้นักวิจัยยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดของการหาวได้ แต่ยังมีทฤษฎีหลักเกี่ยวกับสาเหตุของการหาว
คือ ความง่วง ความเมื่อยล้า และความเบื่อหน่าย เช่น
เมื่อเรากำลังเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เราจะไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ
การหาวจะช่วยให้เราสามารถหายใจเข้าลึกๆ นำออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น
ในขณะที่หายใจออกนำเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกระแสเลือดได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
กระบวนการสร้าง ‘ความเย็น’ แก่สมอง
ทฤษฎีนี้นำเสนอว่า การหาวอาจช่วยลดอุณหภูมิภายในสมองได้
โดยในขณะที่หาว
การยืดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณลำคอ ใบหน้า
และศีรษะ การหายใจเข้าลึกๆ ในขณะหาว จะนำเอาอากาศเย็นเข้าไปผ่านทางปาก ซึ่งอากาศเย็นนี้จะเพิ่มความเย็นแก่น้ำไขสันหลังและเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมองต่อไป
ยืด ‘เนื้อเยื่อ’ ปอด
อีกทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุของการหาว คือหาวเพื่อยืดเนื้อเยื่อปอด รวมทั้งการยืดกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในการหาว จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ทำให้ผู้ที่หาวรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วย
กระตุ้น ‘สารหล่อลื่น’ ภายในปอด
อีกความเชื่อหนึ่ง คือการหาวเป็นปฏิกิริยาช่วยกระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นที่ทำให้เนื้อเยื่อภายในปอดชุ่มชื้น
และป้องกันปอดทำงานล้มเหลว ตามทฤษฎีนี้เชื่อว่าหากเราไม่หาว
จะทำให้การหายใจเข้าลึกๆ เป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น
‘หาวบ่อย’ เกิดจากอะไร?
การที่เราหาวบ่อยๆ มากกว่า 1 ครั้งต่อนาที โดยทั่วไปสาเหตุส่วนใหญ่อาจมาจากความง่วง
ความอ่อนเพลีย แต่ในบางครั้งแล้วมาจากความผิดปกติอันเป็นผลมาจากสาเหตุเหล่านี้ก็เป็นได้
นอนหลับไม่เพียงพอ
พฤติกรรมการนอนไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลทำให้เกิดอาการง่วงนอนตอนกลางวันได้
ถึงจะดูเหมือนไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน
รวมถึงยังก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย อย่างโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือโรคซึมเศร้า
ฯลฯ ทั้งนี้ให้ลองเช็กตัวเองดูหากเป็นเช่นนั้นควรปรับพฤติกรรมการนอนและจัดตารางการนอนใหม่
โดย 1 วันควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงจะดีที่สุด
นอนไม่หลับ
เป็นอาการที่ร่างกายรู้สึกอยากจะนอน แต่ไม่สามารถหลับได้
อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ หลับไปแล้วแต่ตื่นเร็ว หรือตื่นขึ้นมากลางดึก
แล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้ ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เต็มที่
ดังนั้นควรเข้านอนให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายชิน
และควรงดเครื่องดื่มที่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง เช่น สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา
กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น แต่หากอยากดื่มควรเลือกดื่มก่อน 14.00
น. เพราะถ้าดื่มหลัง 14.00 น. อาจทำให้ร่างกายมีปัญหานอนไม่หลับได้
โรคลมหลับ (Narcolepsy)
เป็นโรคที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา และผู้ป่วยมักจะมีภาวะหลับกลางอากาศแม้กระทั่งทำกิจกรรมอื่นๆ
อยู่
โดยสาเหตุของโรคนี้แพทย์สันนิษฐานกันว่าอาจมีความผิดปกติที่สมองควบคุมการหลับและตื่น
ซึ่งก่อนจะเดาว่าอาการหาวบ่อยของเราส่อถึงโรคนี้ อยากให้เช็กอาการของโรคลมหลับก่อน
เช่น นอนเท่าไรก็ไม่พอ รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา มีอาการง่วงนอนพร้อมกับภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
(แขน, ขา) ขณะกำลังจะตื่น หรือเห็นภาพลวงตาช่วงใกล้จะหลับ (ภาวะผีอำ) เป็นต้น
นอนกรน
แม้ภาวะนี้จะไม่ใช่โรค แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบกับสุขภาพการนอนหลับของร่างกายมากเลยทีเดียว
เพราะคนที่นอนกรนมักไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือเรียกง่ายๆ
ว่านอนหลับไม่สนิท ดังนั้นจึงมักรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อยๆ
จนต้องแสดงอาการหาวบ่อยๆ ไปด้วย
ส่วนภาวะอาการป่วยรุนแรงที่มีโอกาสพบได้น้อย
แต่อาจทำให้เกิดอาการหาวบ่อยๆ ได้แก่
- กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
- โรคลมชัก
- ตับทำงานล้มเหลว (ตับวาย)
- เนื้องอกในสมอง
- โรคปลอกประสาทอักเสบ
- ร่างกายขาดสมรรถภาพในการควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกาย
- โรคหลอดเลือดสมอง
หากใครที่มีอาการหาวบ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไป
ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับพักผ่อนและสังเกตอาการต่างๆ ของตัวเองร่วมด้วย
ซึ่งหากว่าลองทำแล้วแต่ยังพบว่ามีอาการหาวบ่อยเช่นเดิม ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการดังกล่าวจะดีที่สุด
แหล่งอ้างอิง :