ฤดูกาลทุเรียน
‘ราชาแห่งผลไม้’
กลับมาคึกคักอีกครั้ง
โดยปีนี้แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 หลายๆ คนต้องทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from home
ร้านอาหารถูกจำกัดเวลาของการขาย แต่ก็ไม่สามารถหยุดความร้อนแรงความหอมหวานของทุเรียนไปได้
เรียกได้ว่าวงการนี้เข้าแล้วออกยากเหมือนคนติดซีรีส์เกาหลี
แต่ภายใต้เปลือกหนามทุเรียนที่แกะพูออกแล้วเจอกับรสชาติที่หวานมัน
กลิ่นที่หอมรัญจวนใจนั้น เหล่า ‘ทุเรียนเลิฟเวอร์’ ทั้งหลายอาจจะยังไม่รู้อย่างถ่องแท้ว่ายังมีความลับอีกหลายเรื่องซ่อนอยู่
ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่รู้แล้วต้องอึ้ง
ความเชื่อเดิมๆ หลายเรื่องเกี่ยวกับทุเรียนนั้น ปัจจุบันถูกลบล้างด้วยผลงานวิจัยทั้งของในประเทศและต่างประเทศโดยสิ้นเชิง ทำให้ภาพลักษณ์ที่เคยมองทุเรียนเป็นผลไม้ต้องห้ามต่อสุขภาพ กลับกลายเป็นของดีมีประโยชน์ไปแล้ว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ทุเรียนมีคอเลสเตอรอลสูง เมื่อก่อนเรามีความเชื่อว่าทุเรียนที่มีรสชาติหวานมันนั้นมีคอเรสเตอรอลสูง
แต่งานวิจัยหลายแห่งระบุว่าทุเรียนพันธุ์หมอนทองมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวที่สามารถช่วยลดระดับไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลได้
เพราะทุเรียนสายพันธุ์นี้มีสารโพลีฟีนอลส์ (Pholyphenols) และมีเส้นใยที่ช่วยลดไขมันได้
แต่ควรกินปริมาณเพียง 1 พูต่อวันเท่านั้นนะ
2. กินทุเรียนกับเหล้ามีสิทธิ์ตายได้ ความเชื่อนี้เป็นข้อห้ามที่คนชอบทุเรียนทุกคนต้องจำขึ้นใจ
แต่งานวิจัยพบว่า การกินทุเรียนพร้อมกับเหล้านั้น อาจส่งผลบางอย่างต่อร่างกายจริง
แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยทุเรียนนั้นจะไปส่งผลให้เอนไซม์ Aldehyde Dehydrogenase ลดลง เนื่องจากเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด
(Aldehyde) สารพิษที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ ไปเป็นพลังงานให้กลายเป็นสารอื่นแล้วถูกกำจัดออกจากร่างกายไป
เมื่อกำจัดได้น้อยลงจึงทำให้สารแอลดีไฮดสะสมภายในร่างกาย เกิดอาการหน้าแดง ชา
วิงเวียน และอาเจียนตามมาในที่สุด
นอกจากนี้ การกินทุเรียนพร้อมกับเหล้ายังอาจส่งผลให้มีอาการอาหารไม่ย่อย
ท้องอืด และรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยสบายเช่นกัน เนื่องจากตับต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ เพื่อที่จะเผาผลาญไขมันและน้ำตาลที่ได้จากทุเรียนและแอลกอฮอล์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานทั้ง 2 อย่างในปริมาณที่มากเกินพอดี
3. ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร มีงานวิจัยในวารสาร Bioinformation ของ Dr.Nurul Arneida Husin จาก Asia Institute of Madical,Science and
Technology ประเทศมาเลเซีย ระบุว่าการกินทุเรียนเป็นประจำช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร
เนื่องจากทุเรียนมีเส้นใยอาหารสูง
ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยลดสภาวะต่างๆ เช่นอาการท้องผูกและการอุดตันในลำไส้ที่สร้างปัญหาต่างๆ
อาทิเช่น ท้องอืด เสียดท้องตะคริว และอาหารไม่ย่อย เป็นต้น
4. ทุเรียนบำรุงหัวใจ เนื่องจากเนื้อทุเรียนอุดมด้วยเส้นใย
(ไฟเบอร์) รวมถึงมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวที่สามารถช่วยลดระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอล
และขับไขมันไม่ดี LDL ซึ่งถ้าสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว
โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
5. ทุเรียนช่วยลดเลือนริ้วรอยของวัย
ทุเรียนมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เพราะอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารเคมีตามธรรมชาติที่ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย
ตัวการที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ การกิทุเรียนจึงช่วยลดสัญญาณแห่งวัย
เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ จอประสาทตาเสื่อม
6. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ การศึกษาวิจัยหลายชิ้นยกย่องว่า
ทุเรียนทำหน้าที่เป็น ‘ไวอะกร้า’ ชั้นเลิศ
หนึ่งในงานวิจัยของ Cyberjaya University College of Medical Sciences ประเทศมาเลเซีย
ได้ทำการศึกษาผลกระทบของผลไม้ที่มีต่อความผิดปกติของภาวะเจริญพันธุ์ พบว่า
ทุเรียนสามารถช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ เสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
ช่วยเพิ่มปริมาณอสุจิ และเพิ่มระยะเวลาในการร่วมรักให้นานขึ้น
7. ช่วยลดผมขาวลดน้อยลง
เนื่องจากเนื้อทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลากหลายชนิด ให้คุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
โดยเฉพาะวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิค ซึ่งในทุเรียนหมอนทองมีสูงถึง 155.75 ไมโครกรัม ประโยชน์ของวิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยในการชะลอความแก่ รวมไปถึงการชะลอการเกิดผมหงอกสำหรับผู้ที่เริ่มมีอายุอีกด้วย
ถึงแม้งานวิจัยในปัจจุบันค้นพบว่าทุเรียนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
แต่ด้วยทุเรียนมีน้ำตาลแคลอรีสูง จึงเป็นข้อห้ามสำหรับทุเรียนเลิฟเวอร์ที่มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน
รวมทั้งการกินทุเรียนจะทำให้อ้วนอีกด้วย ดังนั้นแนะนำให้บริโภคเพียงวันละ 1 พูก็พอ
กินน้อยจะได้กินนานๆ
ข้อมูลอ้างอิง :
www.facebook.com/moplann/posts/health-benefits-of-duriandurian