AI ยังแรงไม่แผ่ว! เปิด 10 อันดับแอปพลิเคชัน AI ที่ดีที่สุดในเดือนมกราคม 2024 ที่คนทำธุรกิจห้ามพลาด

ปฎิเสธไม่ได้ว่า ปี 2023 ที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือที่เรียกว่า AI) ได้กลายเป็นกระแสที่ทำให้ทุกองค์กรตื่นตัว นำ AI เข้ามาใช้ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะการใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างคุณค่าเพิ่ม

มาถึงปีนี้ กระแสความนิยม AI ยังแรงไม่แผ่วเลย

ก่อนหน้านี้ข้อมูลจาก Grand View Research, PwC ระบุชัดว่า ในปี 2022 ตลาด AI ทั่วโลกมีมูลค่า 136.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่า ภายในปี 2030 ตลาด AI ทั่วโลก จะสูงถึง 1.81 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอัตราการเติบโตต่อปี ที่ 37.3% จากปี 2023 ถึง 2030 หรือ 13 เท่าของมูลค่าปัจจุบัน

โดยจากข้อมูล Global AI Index ยังชี้ว่า “สหรัฐอเมริกา” ครองอันดับ 1 ตามด้วยจีน สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และแคนาดา ซึ่งดัชนีนี้ เป็นการจัดอันดับประเทศตามการลงทุนใน AI นวัตกรรม การนำไปใช้งาน จากประเทศ 62 ประเทศ

AI จึงนับเป็นอาวุธที่ทุกประเทศต้องมีในศตวรรษนี้ก็ว่าได้ เพราะ 50% ขององค์กรที่ใช้ AI ได้รับประโยชน์ เช่น ช่วยในการประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ขณะที่บริษัทที่ใช้ AI กว่า 48% กำลังมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า

ผลสำรวจล่าสุดของ Emerging Technology Survey ของ PwC พบว่า บริษัทในสหรัฐฯ 73% ได้นำ AI มาใช้ในบางส่วนของธุรกิจแล้ว และ GenAI กำลังเป็นผู้นำเทรนด์ เพียงแค่หนึ่งปีหลังจาก ChatGPT เปิดตัว กลุ่มตัวอย่างของบริษัทที่สำรวจ 54% นำ GenAI มาใช้ในบางส่วนของธุรกิจ

โดยมีการคาดการณ์ธุรกิจ ปี 2024 องค์กรภาคธุรกิจต่างจะหันมาใช้ AI เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจ โดยเฉพาะ GenAI ที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุน หรือ ROI (Return on Investment) ได้อย่างน่าสนใจ

แต่ทว่าเส้นทางสู่การปลดล็อกศักยภาพการทำงานของ AI ไม่ได้โรยกลีบกุหลาบ เพราะหากมองผิวเผิน GenAI อาจจะดูเหมือนใช้งานง่าย ผู้ให้บริการคลาวด์ต่างเพิ่มความสามารถของ GenAI ลงแพลตฟอร์มของตน แต่การเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของ GenAI ต้องมีการปรับแต่งความสามารถดังกล่าวให้เข้ากับบริบทและความต้องการของธุรกิจ ในขณะเดียวกัน ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

จุดเปลี่ยน ด้านงานบุคคล หลังการรุกคืบของ GenAI

จนถึงขณะนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีใคร วิเคราะห์ “ผลกระทบต่อตลาดงานจากการใช้ AI” ได้ทันทีในปี 2024 แต่สิ่งที่เริ่มเห็นแล้วคือ AI จะเริ่มเข้ามาแปรเปลี่ยนโฉมหน้า เปลี่ยนวิธีทำงานของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหารหรือพนักงาน

ดังนั้น แน่นอนว่าหากองค์กรใดสามารถ “อัพสกิล” บุคลากรให้รู้จักวิธีใช้ประโยชน์จาก AI ย่อมเหนือกว่าองค์กรอื่น

สิ่งสำคัญนอกเหนือไปจากการเรียนรู้วิธีใช้ AI แล้ว องค์กรต่าง ๆ ต้องมีทักษะในการดูแลและประเมินผลงานจากทีมที่มีส่วนผสมทั้งคนและ AI ทำงานร่วมกัน

เพราะต้องยอมรับว่า AI อาจเข้ามาทดแทนบางส่วนของงานเดิม ซึ่งหัวหน้าสายงาน ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่จากที่เคยมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องปรับกระบวนการทำงาน ทักษะ สำหรับระดับผู้บริหารมีหน้าที่นำทัพองค์กรสู่อนาคตยุค AI ต้องกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ และบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการใช้ AI

อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของ AI นับว่าเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะในปี 2024 นี้ AI จะกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการทำงานของทุกคน ในหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การโต้ตอบกับข้อมูล การสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งความน่าเชื่อนี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ระบบที่ปลอดภัยและผ่านมาตรฐาน เท่านั้น แต่หมายถึง การเลือกใช้ AI อย่างไร ให้เป็นส่วนผสมระดับที่เหมาะสม ตรงกับวัตถุประสงค์ขององค์กร

ซึ่งนั่นคือ หัวใจของการใช้ AI ที่จะต้องมีข้อมูลที่มีคุณภาพ แนวทางปฏิบัติ และระบบกำกับดูแลที่รัดกุม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ นี่จะเป็นแนวทางปฏิบัติระดับองค์กรสำหรับทุกคนที่พัฒนาและใช้งาน AI โดยจะช่วยสร้างความไว้วางใจจากทุกกลุ่มเป้าหมาย

ความคุ้มค่าของการใช้ AI

อีกประการหนึ่ง แน่นอนว่า AI จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร โดยเฉพาะในการทำงานโครงการใหญ่ที่มีข้อมูลซับซ้อน ให้สามารถดึงประโยชน์จากข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว และคุ้มค่ามากกว่าเดิม ทำให้โครงการที่ต้องมีการจัดการข้อมูลหลาย ๆ โครงการน่าสนใจขึ้น

โดยเฉพาะ GenAI ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญ สามารถทำได้ทั้งการอ่าน การแปล การวิเคราะห์และสรุป แถมยังช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาระงานเอกสารที่จะนำเสนอ แผนกลยุทธ์ บันทึกคำร้องเรียนจากลูกค้า และเอกสารสำคัญอื่น ๆ ภายในองค์กร จึงช่วยลดความท้าทายให้กับองค์กรยุคใหม่

10 แอปพลิเคชัน AI ที่ดีที่สุดในเดือนมกราคม 2024

จากบทความของ อเล็กซ์ แมคฟาร์แลนด์ และอองตวน ทาร์ดิฟ (2024) ระบุว่า 10 แอปพลิเคชัน AI ที่ดีที่สุดในเดือนมกราคม 2024 ได้แก่

1. Murf เป็นหนึ่งใน AI ที่ได้รับความนิยมที่สุดในตลาด ช่วยให้สามารถแปลงข้อความเป็นคำพูด เสียงพากย์ และการป้อนตามคำบอก และนำไปใช้โดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา เช่น นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ นักพอดคาสต์ นักการศึกษา และผู้นำทางธุรกิจ เพราะมีเสียง AI มากกว่า 100 เสียงจาก 15 ภาษา และสามารถเลือกการตั้งค่าได้ ทั้งสำเนียง/สไตล์เสียง และโทนเสียงหรือจุดประสงค์

และคุณสมบัติเด่นอีกอย่าง คือ ตัวเปลี่ยนเสียงที่ช่วยให้บันทึกได้โดยไม่ต้องใช้เสียงตัวเอง และเพิ่มการหยุดชั่วคราวและการเน้นเสียง หรือเปลี่ยนการออกเสียงได้

2. HitPaw Video Enhancer AI เป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการอัปเกรดวิดีโอ คุณลักษณะเด่น คือ เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับการอัพสเกลวิดีโออย่างรวดเร็ว การลดเสียงรบกวนสำหรับวิดีโอ การทำให้อนิเมะและวิดีโอใบหน้ามนุษย์สมบูรณ์แบบ และการเพิ่มความละเอียดวิดีโอสูงสุด 8K

เครดิตภาพ www.hitpaw.net/hitpaw

3. Jasper เป็นผู้ช่วยเขียนที่ดีที่สุด ก่อนอื่นต้องจัดเตรียมคำเริ่มต้น ให้ Jasper จะวิเคราะห์ก่อนที่จะสร้างวลี ย่อหน้า หรือเอกสารตามหัวข้อและน้ำเสียง สามารถผลิตบทความขนาด 1,500 คำได้แทบจะในทันที โดยมีจุดเด่นคือ แบบอักษรฟรีมากกว่า 11,000 แบบและสไตล์การเขียน 2,500 หมวดหมู่ รองรับกว่า 25 ภาษา และอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย

เครดิตภาพ www.jasper.ai

4.Synthesia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอ AI รวดเร็ว รองรับมากกว่า 60 ภาษาและเทมเพลตต่าง ๆ เครื่องบันทึกหน้าจอ ไลบรารีสื่อ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยบริษัทชื่อดังระดับโลก เช่น Google, Nike, Reuters และ BBC ต่างก็ใช้ Synthesia เพราะมีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง เช่น ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์วิดีโอหรือสถานที่ถ่ายทำที่ซับซ้อน แต่สามารถเลือกจากอวาตาร์ AI ที่หลากหลายกว่า 70 แบบ สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพได้ในเวลาไม่กี่นาที ด้วยเทมเพลตที่ออกแบบไว้กว่า 50 แบบ ทำให้สามารถอัปโหลดเนื้อหาเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณเองและรับเทมเพลตที่กำหนดเองได้ เป็นต้น

เครดิตภาพ www.synthesia.io

5. Trint การถอดเสียงด้วย AI ของ Trint จะแปลงไฟล์เสียงและวิดีโอเป็นข้อความอย่างรวดเร็วได้มากกว่า 30 ภาษา และแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 50 ภาษา ทั้งยังช่วยแก้ไข ค้นหา ดึงคำพูดที่สำคัญจากการถอดเสียงเพื่อสร้างเรื่องเล่า กดเล่นเพื่อตรวจสอบคำพูดและฟังคำบรรยายให้มีชีวิตขึ้นมา รวมถึงมีเครื่องมือ เช่น แท็ก ไฮไลท์ จึงสามารถปรับแต่งเนื้อหาสำหรับผู้ชมทั่วโลกได้ในไม่กี่นาที และจัดเก็บเนื้อหาทั้งหมดอย่างปลอดภัยในที่เดียว

เครดิตภาพ https://trint.com/

6. Otter.ai เป็นหนึ่งในบริการถอดความด้วย AI ที่ดีที่สุดในตลาด เป็นเครื่องมือที่พร้อมใช้งานบนเดสก์ท็อป อุปกรณ์ Android และ iOS สามารถถอดเสียงการสนทนาได้ นำเสนอแผนต่าง ๆ และมีชุดคุณสมบัติเฉพาะของตนเองในแต่ละแผนงาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและถอดเสียงการสนทนาโดยอัตโนมัติ ด้วยโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ และสามารถเล่นไฟล์เสียงที่ความเร็ว อินเทอร์เฟซของแพลตฟอร์มออกแบบมาดี ทำให้ใช้งานง่าย มีเครื่องมือที่สำคัญ เช่น ปุ่มบันทึก ปุ่มนำเข้า และบันทึกกิจกรรมล่าสุด นอกจากนี้ยังมีบทช่วยสอนที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยแนะนำผู้ใช้

7. Speechify สามารถเปลี่ยนข้อความในรูปแบบใดก็ได้ให้เป็นคำพูดที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ บนเว็บ แพลตฟอร์มนี้สามารถนำไฟล์ PDF, อีเมล, เอกสาร หรือบทความมาเปลี่ยนเป็นเสียงที่สามารถฟังแทนการอ่านได้ เครื่องมือนี้ยังช่วยให้ปรับความเร็วในการอ่านได้ และมีเสียงที่เป็นธรรมชาติกว่า 30 เสียงให้เลือก ซอฟต์แวร์นี้มีความชาญฉลาดและสามารถระบุภาษาได้มากกว่า 15 ภาษา เมื่อประมวลผลข้อความ และสามารถแปลงข้อความที่พิมพ์ สแกนให้เป็นเสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจน

8. Flick เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างเนื้อหาโซเชียลมีเดียได้รวดเร็วขึ้นและขยายขนาดได้ ผู้ใช้สามารถสร้างคำบรรยายที่เป็นส่วนตัวสูงและเป็นแบรนด์ได้เร็วกว่าเมื่อก่อนถึง 10 เท่า AI Social Media Assistant ของ Flick เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยให้คุณเร่งกระบวนการระดมความคิด การเขียน และการวางแผนสำหรับโซเชียลมีเดีย ลดระยะเวลาในการคิดแนวคิดเนื้อหา จึงสามารถช่วยสร้างแนวคิดเนื้อหาที่แปลกใหม่และน่าสนใจตามหัวข้อที่คุณป้อนภายในไม่กี่วินาที

9.ELSA Speak เป็นโค้ชฝึกพูดที่เปิดใช้งาน AI ซึ่งช่วยให้ผู้คนพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์แบบ อาศัยข้อมูลเสียงพูดและเทคโนโลยีการจดจำเสียง แอปฟังสำเนียงของผู้ใช้และใช้ระบบรหัสสีแดง เหลือง และเขียว เพื่อระบุว่าคำที่ออกเสียงใกล้เคียงกับกฎการออกเสียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันเพียงใด คุณสมบัติไม่เพียงจะประเมินความสามารถทางภาษาได้ แต่ยังจัดทำหลักสูตรส่วนบุคคล กำหนดบทเรียนและคำศัพท์ส่วนบุคคลติดตามความคืบหน้า

10. Hopper ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน ห้องพักโรงแรม และการเช่ารถ เพื่อวางแผนการเดินทาง โดยจะให้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ล่วงหน้าถึงหนึ่งปี ทำให้มีเวลาเตรียมแผนการเดินทางที่เหมาะสม โดยผู้ใช้ต้องป้อนข้อมูลปลายทางที่ต้องการให้ Hopper ก่อน จากนั้น AI จะช่วยค้นหาข้อมูลค่าโดยสาร แนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง และวันที่เดินทางที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาได้อีกด้วย

AI ตัวเปลี่ยนเกม

อาจจะกล่าวได้ว่า AI จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมธุรกิจที่มาแรงและเร็วที่สุด โดยเฉพาะด้านข้อมูลด้วยความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างชัดเจน AI จะมาช่วยจัดการข้อมูลแทบทุกประเภทให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ก้าวข้ามขั้นตอนหลายขั้น สู่การเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดด

นับว่าเป็นการพลิกโฉมการทำงานใหม่ให้กับองค์กรอย่างน่าติดตาม