จับตา! สงครามตลาดชาชงเพื่อสุขภาพ และชาพร้อมดื่ม ปี 59

สงครามธุรกิจตลาดชา หรือเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชั่นนอล ดริ้งก์ เปิดศึกแข่งขันกันมาหลายปี ทั้งชาชงเพื่อสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งฮิตตามเทรนความนิยมดื่มเพื่อสุขภาพ และชาพร้อมดื่มแบบขวด โดยเฉพาะชาเขียวที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด ผู้บริโภคนิยมดื่มช่วยดับกระหายในฤดูร้อน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจชาเขียว ผลสำรวจพบว่า กลุ่มธุรกิจชาเขียวพากันใส่เกียร์เร่งเครื่องชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่า 1.57 หมื่นล้านบาทกันอย่างคึกคัก และคาดว่ายังคงแข่งขันต่อเนื่อง แต่ไม่ทำสงครามราคา เพื่อหวังกอบโกยกำไรที่แท้จริง แม้ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว วัดเข็มไมล์ความแรง ของตลาดชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สังคมยุค 4G ที่โรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ เกิดขึ้น ผู้คนจึงหันมาตอบรับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ เทรนรักสุขภาพจึงครอบคลุมไปยังทุกๆ วงการ หนึ่งในนั้นคือ วงการธุรกิจตลาดชาชงเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่รักสุขภาพแท้ๆ เพราะรู้ว่า ชาเป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบหญ้าอ่อน และก้านของต้นชา ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เมื่อสำรวจในท้องตลาดก็พบว่า กระแสกลับไม่ค่อยแรงเท่าตลาดชาพร้อมดื่มแบบขวด หรือกลุ่มชาเขียว แต่ก็ไม่ได้ตกต่ำจนน่าใจหาย โดยมีสัดส่วนราวๆ 6.4% ของมูลค่าตลาดเครื่องดื่มร้อน (hot drink) มีการสำรวจพบว่า คนไทยดื่มชาชงเพื่อสุขภาพในระดับที่อัตราเฉลี่ย 0.93 กิโลกรัมต่อคนต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ชาชงเพื่อสุขภาพมีหลากหลายชนิด เช่น ชาตะไคร้ ชาใบฝรั่ง ชาหญ้าหนวดแมว เป็นต้น ถ้าเป็นยี่ห้อที่คนรู้จักก็เช่น ชาสมุนไพรอภัยภูเบศร ที่ล้วนแล้วแต่มีคุณค่า กระแสตลาดชาพร้อมดื่มแบบขวด แรงข้ามปี..จริงหรือ เมื่อถึงฤดูร้อนของทุกปี ซึ่งเป็นฤดูที่ตลาดชาเขียวครองส่วนแบ่งมาเป็นอันดับ 1 มากกว่าเครื่องดื่มทุกประเภท  โดยมีแบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ครองส่วนแบ่งสูงกว่ารายอื่นๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ โออิชิ แบรนด์เก๋าแห่งวงการ และ อิชิตัน ของคุณตัน ภาสกรนที นักวิเคราะห์มองว่า ปัจจุบันแม้เศรษฐกิจยังชะลอตัว แต่ภาพรวมของตลาดชาทั้งชาชงเพื่อสุขภาพและชาพร้อมดื่มแบบขวด ยังสามารถ “ไปต่อ” ได้อีก โดยเฉพาะถ้าแบรนด์เหล่านั้นมีสายป่านยาว และมีแรงฮึดต่อเนื่อง มีการทุ่มงบโฆษณา อัดโปรโมชั่น และอีกมากมาย เพื่อดึงผู้บริโภคให้หันมาลองลิ้มชิมรส ถ้าผู้บริโภคให้การตอบรับดี ยอดขายยังกระเตื้อง ก็เป็นที่แน่นอนว่าอีกฝ่ายที่เป็นคู่แข่ง จะต้องเปิดศึกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาให้ได้ ศึกนี้จึงยังสู้กันไปอีกยาวนาน  คาดการณ์ว่า ในปีนี้อาจโต 10-15% ส่องกลยุทธ์ รุดไปดู “โออิชิ” มาเจาะกันชัดๆ ถึงแบรนด์ดังอย่างโออิชิ ที่งัดกลยุทธ์ต่างๆ มาล่อตาล่อใจผู้บริโภค โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 15% เช่น ยอมทุ่มสุดตัวแจกมือถือไอโฟนใหม่ล่าสุด แน่นอนว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจสาวกยี่ห้อนี้ให้หันมาเปิดตู้แช่คว้าขวดชาเขียวดื่มกันเป็นทิวแถว  ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่เคยใช้ซ้ำแต่ได้ผลมาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังอัดแคมเปญอีกมากมาย เช่น ซื้อ 2 แถม 1 หรือการจัดคาราวานกิจกรรมก็มีกระแสตอบรับดีจากจังหวัดใหญ่ๆ 10 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นต้น และที่เด็ดสุดก็คือ โออิชิได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ให้ผู้บริโภคสามารถส่งรหัสใต้ฝาผ่านทางแอพพลิเคชั่น Line เพื่อชิงโชคได้ด้วย แลฝั่ง “อิชิตัน” ของเสี่ยตันนักสู้ เหลียวไปดูฝั่งของอิชิตันที่มี คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นหัวเรือใหญ่คุมบังเหียนกันบ้าง รายนี้คิดค้นชาเขียวสูตรใหม่ๆ มาให้ลูกค้าลิ้มลอง นั่นคือ ชาเขียวสูตรหญ้าหวาน ซึ่งถือเป็นสูตรที่ตรงใจคนรักสุขภาพ เพราะคุณตันใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “อิชิตัน...รหัสรวยเปรี้ยง” ด้วยการทุ่มงบ 130 ล้านบาท แจกคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพื้นที่ทำเลทอง 2 แห่ง แต่ยังไม่หมดเท่านี้ คุณตันใจป้ำยังแจกอีก นั่นคือ  รถสุดหรูเมอร์ซิเดส เบนซ์ 28 คัน ยกสุดท้าย ใครจะอยู่...ใครจะไป แม้ชาพร้อมดื่มแบบขวดจะได้มีกระแสตอบรับที่ดีกว่าตลาดชาชงเพื่อสุขภาพ แต่ทั้งสองประเภทนี้ก็ถือว่ายังสามารถทำตลาดได้ดีต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น แต่ดูท่าทีแล้ว ผู้ผลิตก็ไม่ได้วิตกกังวลใดๆ เพราะรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ภาครัฐฯ โปรยยาหอมด้วยการหว่านเม็ดเงินแจกฟรีแก่ประชาชน  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้น 3-4% ซึ่งเป็นนโยบายที่นอกจากประชาชนทั่วไปจะได้ประโยชน์เต็มๆ แล้ว ผู้ผลิตชาชงเพื่อสุขภาพและชาพร้อมดื่มแบบขวดก็ต้องยิ้มร่าด้วยแน่ๆ จึงต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าสงครามธุรกิจตลาดชาในอนาคต จะดีรุ่งพุ่งแรง...อย่างที่คิดไว้แค่ไหน