แต่จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่า คือ 20.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 32.1 ในอีก 26 ปีข้างหน้า หรือเมื่อพลิกปฏิทินก็จะพบว่านั่นคือปี 2583 ซึ่งเป็นคำยืนยันจากสำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โลกของสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
คงจะมองเห็นภาพชัดขึ้นว่า ปริมาณจำนวนผู้สูงอายุ ซึ่งก็คือคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 นั้น จะมีมากขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่จะเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก แน่นอนว่า คนไทยจะเห็นผู้สูงอายุ 70 ล้านคน ที่มีจำนวนมากกว่าวัยอื่น ๆ อยู่เต็มไปหมด ทั่วทุกหัวระแหงในสยามประเทศเรานี่เอง และในที่สุดโลกกลม ๆ ใบนี้ก็จะกลายเป็น “โลกของสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์”
แต่ผู้สูงอายุจะหารายได้จากไหนมาใช้จ่าย เราไปสำรวจตรวจส่องกระเป๋าตังค์ของผู้สูงอายุกันดีกว่า
เช็กรายได้ วัดรายจ่าย
ช่องทางการมีรายได้ของผู้สูงอายุนั้นไม่มากนัก แต่ที่สำรวจพบหลัก ๆ ก็คือ รายได้จากบำเหน็จบำนาญ มีร้อยละ 50 รายได้จากบุตรหลานหรือคู่สมรส ร้อยละ 39 รายได้จากการออมเงินหรือลงทุนต่าง ๆ ร้อยละ 11
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ร้อยละ 21.6 เป็นผู้ที่มีรายได้เฉลี่ย 20,000 บาทต่อปี ร้อยละ 25.2 มีรายได้เฉลี่ย 20,000–39,999 บาทต่อปี ร้อยละ 18.6 มีรายได้เฉลี่ย 40,000–59,999 บาทต่อปี ร้อยละ 13.7 มีรายได้เฉลี่ย 100,000–299,999 บาทต่อปี และร้อยละ 4.2 มีรายได้เฉลี่ย 300,000 บาทต่อปีขึ้นไป
ส่วนรายจ่ายที่เกิดขึ้นบ่อยและจำเป็นอย่างมาก คือรายจ่ายที่ใช้จ่ายกับเรื่องค่ารักษาพยาบาล มีร้อยละ 55 ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักอาศัย ร้อยละ 9 นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายทั่ว ๆ ไป ร้อยละ 36
เมื่อรู้ถึงแหล่งที่มาของรายได้และรายจ่ายของผู้สูงอายุกันแล้ว ต่อไปกลุ่มผู้ประกอบการ นักลงทุน ภาคเอกชน และภาครัฐ จึงสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวางแผนดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุต่อไป ตามไปส่องดูว่า มีธุรกิจอะไรที่มาแรง
ส่องดู..ธุรกิจไหน พิชิตใจผู้สูงอายุ
ไอเดียธุรกิจที่สอดคล้องกับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นธุรกิจที่คาดว่าจะมาแรง ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจทางการแพทย์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้าน ธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้า และธุรกิจเครื่องสำอางและสปา สุดท้ายคือ ธุรกิจทัวร์สำหรับผู้สูงอายุ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในตลาดผู้สูงอายุ
ขณะที่สถานการณ์ผู้สูงอายุในไทยนั้น เป็นที่สนอกสนใจของบรรดานักลงทุน หรือผู้ประกอบการชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น แล้วเขามาโฟกัสธุรกิจอะไรในไทยเพื่อผู้สูงอายุ ตามไปดูกัน
ญี่ปุ่นผุดที่พักอาศัยในไทย ใส่ใจผู้สูงอายุ
ประเทศที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีสูงอย่างญี่ปุ่น ได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ก่อนไทยเราอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ฉะนั้นเขาจึงมีบริษัทที่ทำธุรกิจเพื่อเอื้ออำนวยความสะดวก ให้ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นและต่างชาติอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งมีมากถึงราว ๆ 500 บริษัท จึงไม่แปลกใจ ที่ผู้ประกอบการธุรกิจลักษณะนี้จากญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจของตนมาปักหมุดบนผืนแผ่นดินสยามประเทศด้วย
บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงเสาเข็มอย่างจริง ๆ จัง ๆ ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ บริษัท โตเกียว มารีน นิชิโด ซามูเอล จำกัด (มหาชน) ขณะที่ผู้ประกอบการคนไทย ที่สนใจลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้สูงอายุ ได้แก่ บริษัทในเครือเวลเนส ซิตี้ หรือโครงการของการเคหะแห่งชาติอย่าง โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ เพื่อรองรับประชากรสูงวัย ส่วนสภากาชาดไทยก็มี คือ โครงการสวางคนิเวศ เป็นต้น ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุในไทยที่ขายดีมากที่สุดถึงร้อยละ 70 ก็คือ อาคารชุด
เช็กทิศทางอนาคตในตลาด AEC
หลังจากที่ไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างเข้าสู่ AEC เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลดีให้ผู้ประกอบการสามารถขยายการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ในประเภทธุรกิจการรักษาพยาบาลเฉพาะทางมากขึ้น เช่น ทันตกรรม ศัลยกรรมกระดูก ศัลยกรรมความงาม การผ่าตัดหัวใจ และอื่น ๆ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดดังกล่าวไปยังประเทศที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุในระดับมากขึ้นเป็นสองเท่า เช่น กัมพูชา เมียนมา ลาว มาเลเซีย และบรูไน