ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หากเปรียบเทียบมูลค่าการค้าที่ประเทศเพื่อนบ้านค้าขายกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกแล้ว พบว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีเพียง 9.3% ซึ่งเท่ากับว่ายังเหลือพื้นที่ทางการตลาดอีก 90% ที่เป็นโอกาสของไทยในการเข้าชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกับประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อกระตุ้นการค้าการลงทุนบริเวณชายแดน สำหรับนักลงทุนไทยที่ยังไม่อยากเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง หรือสำหรับนักลงทุนที่เริ่มต้นจะทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมไทย ที่จะเติบโตจากเพื่อนบ้านผ่านการค้าชายแดน
อุตสาหกรรมกลุ่มอุปโภคและบริโภค
สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา มีพื้นฐานการบริโภคนิยมของไทย อีกทั้งยังมีการนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มอาหาร และเครื่องปรุงรส มูลค่าร่วมหลายหมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจึงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองจากประเทศสมาชิกใน AEC เป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมในกลุ่มเครื่องจักรกล
ประเทศเพื่อนบ้านยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องจักรกลเป็นจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนประเทศในด้านต่าง ๆ เกือบทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องจักรกลที่ใช้ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมภาคเกษตรที่ใช้ขับเคลื่อนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปัจจุบันได้มีการทำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมกับอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งได้มีการนำเข้ามาจากประเทศมากขึ้นอีกด้วย
ธุรกิจโลจิสติกส์
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนา ร่วมไปกับการประกาศให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เส้นทางการคมนาคมที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งการผ่อนคลายกฎระเบียบทางการคมนาคมขนส่งข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือ GMS (Greater Mekong Sub region) หรืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนตอนใต้) ก็ยิ่งสนับสนุนกิจกรรมการขนส่งมากขึ้น ถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ขนส่งระหว่างประเทศ ผ่านเส้นทางบกที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของการค้าและการลงทุนภายใต้อาเซียน
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งสินค้าตามชายแดน ควรศึกษาและติดตามผลของความตกลงระหว่างรัฐบาลและประเทศคู่เจรจา เพื่อเตรียมความพร้อมและเร่งปรับการดำเนินธุรกิจให้มีความเป็นสากล สอดคล้องกับกฎระเบียบสากลให้มากขึ้น
ธุรกิจท่องเที่ยว
ประเทศไทยนอกจากการนำเข้าส่งออกที่เป็นตัวกระตุ้น GDP แล้ว ภาคการท่องเที่ยวของไทยก็เป็นหนึ่งในตัวชูโรงที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดการค้าและการลงทุนมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การโรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง การนำเที่ยว สถานบันเทิง ฯลฯ
อีกทั้งยังผลักดันให้เกิดการจ้างงาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวตามชายแดน มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นจากการขยายตัวต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวตามชายแดน จากประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางผ่านพรมแดนมายังไทย อาทิ ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ที่จำนวนนักท่องเที่ยวมีมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้กลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อนุรักษ์ และประวัติศาสตร์ ก็สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมหาศาล
ธุรกิจค้าส่ง
การค้าชายแดนเพื่อขายสินค้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นที่น่าจับตามองเช่นกัน เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ธุรกิจค้าปลีกขยายตัวอย่างมาก และประเทศไทยจะกลายเป็นแหล่งค้าส่งให้กับธุรกิจค้าปลีกเหล่านั้น โดยเฉพาะในแนวชายแดนของประเทศ
ธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม
การแพทย์และธุรกิจเสริมความงามของไทย ถือว่าเป็นฮับ (Hub) ของภูมิภาค รวมถึงการนิยมบริโภคข้อมูลข่าวสารจากประเทศไทย ทำให้ประชาชนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน มีความต้องการสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามของไทย โดยโอกาสการทำธุรกิจอาจจะเป็นไปในลักษณะของการเข้าไปตั้งโรงพยาบาล หรือสาขา คลินิกเฉพาะทาง และสำนักงานตัวแทนของโรงพยาบาล เพื่อรับผู้ป่วยเบื้องต้นในเขตจังหวัดติดกับประเทศเพื่อนบ้าน