“หลากหลายเป็นหนึ่งเดียว” เป็นคำจำกัดความที่ทำให้เห็นภาพของประเทศอินเดียได้อย่างดี เพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีภาษากว่า 180 ภาษาและศาสนากว่า 400 ศาสนา นั่นทำให้อินเดียมีประเพณีและเทศกาลมากมาย และอยู่ร่วมกันภายใต้ความต่างนั้น แล้วคุณรู้หรือไม่ ? หนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ภายใต้ความหลากหลายของอินเดีย คือ เทศกาลปีใหม่อินเดียหรือดิวาลี
ดิวาลี หรือ ดิปาวาลี (Diwali, Deepawali) หมายถึง แถวของโคมไฟหรือตะเกียง เป็นเทศกาลแห่งการประดับไฟและแสงสี มีนัยยะถึงการเฉลิมฉลอง การเริ่มต้นจากความมืดสู่ความสว่าง ความมั่งคั่งและการให้ เป็นเทศกาลสำคัญที่ของชาวฮินดู นับเป็นวันปีใหม่ของชาวอินเดียด้วย โดยเทศกาลนี้จะจัดในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน
ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้มีหลายความเชื่อ เช่น จากมหากาพย์รามายณะ ชาวเมืองอโยธยาจุดตะเกียงและเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับพระราม พระลักษณ์ และนางสีดาที่มีชัยชนะทศกัณฑ์ หลังจากถูกเนรเทศไปเป็นเวลานาน
เทศกาลดิวาลีนี้มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และมีวันหยุดต่อกันถึง 5 วัน โดยแต่ละวันจะมีธรรมเนียมปฏิบัติต่างกัน ดังนี้
วันธันเตรัส หมายถึง วันที่ 13 มั่งคั่ง เป็นวันที่ชาวอินเดียจะทำความสะอาด ปรับปรุงที่อยู่หรือที่ทำงาน ตกแต่งให้สวยงาม เตรียมการเพื่อต้อนรับพระนางลักษมีเทวี เทพแห่งความมั่งคั่งที่จะมาเยี่ยม และจัดพิธีลักษมีบูชาในช่วงเย็น มีการจุดตะเกียงขับไล่ความชั่วร้าย สวดสรรเสริญพระนางลักษมี และถวายอาหารคาวหวาน อีกทั้งนิยมซื้อเครื่องใช้ในบ้าน เสื้อผ้า และเครื่องประดับใหม่ๆ ในวันนี้ด้วย
วันนรกจตุรทศี หมายถึง วันที่ 14 วันแห่งนรก เป็นวันเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของพระกฤษณะและนางสัตยภามาที่มีต่อนรกาสูร ชาวฮินดูจะมีพิธีอภยังคสนาน เป็นการอาบน้ำในยามเช้าและนวดด้วยแป้งหอม พร้อมทั้งสวดสรรเสริญพระกฤษณะ และมีการจุดตะเกียงในยามค่ำเช่นวันแรก
วันลักษมีบูชา เป็นวันที่เชื่อว่าพระนางลักษมีจะมาเยี่ยมเยียน มีการบูชาไม้กวาดด้วยสำรับผงขมิ้นและผงหญ้า ถวายเครื่องสำรับ พร้อมกับบูชาเทพอื่นๆ อีก 5 องค์ในวันนี้ อีกทั้งมีการจุดตะเกียงนำทาง และลอยโคมที่แม่น้ำ
วันโควรรธนบูชา หรือวันพาลิประติปทา เป็นวันที่ 4 ของเทศกาลนี้ ชาวอินเดียเหนือจะเรียกว่า วันโควรรธนบูชา จะมีการนำอาหารมาวางเรียงหน้าเทวรูปกฤษณะ เพื่อระลึกถึงตำนานที่พระกฤษณะยกภูเขาโควรรธนะมาบังชาวบ้านโคกุล ส่วนชาวอินเดียใต้จะเรียกว่าวันพาลิประติปทา จากตำนานที่พระวิษณุอวตารร่างเป็นวามนะ เพื่อปราบมหาพลี จะมีการก่อปราสาทหลังมูลวัวหรือดินเหนียว มีการจุดตะเกียง อาบน้ำแล้วนวดน้ำมัน และมอบของขวัญให้กัน
วันยมทวิตียะ หรือวันไภทูล วันสุดท้ายของเทศกาล มาจากตำนานที่พระกฤษณะปราบนรกาสูรแล้วเดินทางไปพบพระขนิษฐา ตำนานนี้ทำให้พี่สาวหรือน้องสาวเชิญพี่ชายหรือน้องชายมาร่วมรับประทานอาหาร แต้มจุดที่หน้าผาก และขอพรให้มีอายุยืน จากนั้นพี่ชายหรือน้องชายจะมอบของขวัญตอบแทน
นอกจากนี้ ศาสนาอื่นๆ ในอินเดียก็มีการเฉลิมฉลองใช่ช่วงเทศกาลนี้ด้วย เช่น วันแห่งอิสรภาพของชาวซิกข์ที่ตรงกับวันดิวาลี ชาวซิกข์จะจุดโคมไฟตามวิหารและบ้านเมืองเพื่อต้อนรับท่านคุรุที่ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุลสั่งคุมขัง และชาวพุทธก็มีการสวดมนต์และตกแต่งวัดในช่วงเทศกาลนี้ ซึ่งตรงกับวันอโศกวิชัยทศมีเช่นกัน ถือเป็นความหลากหลายในหนึ่งเทศกาลที่น่าสนใจของดินแดนแห่งนี้