ปี 2561 คนไทยใช้อินเตอร์เน็ตทำอะไรบ้าง

ความแหลมคมของนักการตลาดออนไลน์ คือ รู้พฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แน่นอนถ้าคุณไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร ย่อมไม่สามารถเป็น ‘นักการตลาดออนไลน์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน’ โดยในที่นี้เรามีข้อมูลผู้บริโภคจากการสำรวจของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA ได้มีแถลงข่าวรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ในปี 2561 ในประเทศไทย ซึ่งมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจ

ที่น่าสังเกตจากข้อมูลด้านบนจะเห็นชัดว่า กลุ่ม Baby Boomer และ Gen X  ไม่นิยม Instagram  ขณะที่ Gen Y  และ Gen Z  ไม่ค่อยนิยมเวปไซด์ Pantip

โดยค่าเฉลี่ยรวมของโซเชียลมีเดียยอดนิยม 5 อันดับแรกในปี 2561 คือ 1.Youtube 98.8 % 2.Line 98.6%  3.Facebook 96.0 % 4.Messenger 88.4% และ 5.Instargrame 67.2 %

ทั้งจากการสำรวจในปีล่าสุดพบว่า พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนไทยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคนไทยส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเฉลี่ยนานขึ้นถึง 10 ชั่วโมง 5 นาทีต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 3 ชั่วโมง 41 นาทีต่อวัน โดย Gen Y ยังคงเป็นแชมป์การใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงที่สุด 4 สมัยแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเป็นช่วงชีวิตที่มีการเปลี่ยนเข้าสู่โลกดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น

 

Social Media ที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้กันในแต่ละวัน อย่าง Facebook, Instagram, Twitter และ Pantip มีการใช้มากถึงวันละ 3 ชม. 30 นาทีต่อวัน

 

ใช้เวลาในการชมวีดีโอสตรีมมิ่งใน YouTube หรือ Line TV โดยเฉลี่ยแล้วมีการใช้อยู่ที่ 2 ชม. 35 นาทีต่อวัน

 

ใช้แอปพลิเคชันเพื่อพูดคุย อย่าง Messenger และ LINE จะเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ชม. ต่อวัน

 

เล่นเกมออนไลน์อยู่ที่ 1 ชม. 51 นาทีต่อวัน

 

อ่านบทความหรือข่าวทางออนไลน์อยู่ที่ 1 ชม. 31 นาทีต่อวัน

ทั้งนี้จากรายงานการสำรวจของ ETDA ยังระบุว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการใช้งานบนอินเตอร์เน็ต คำตอบที่มาอันดับหนึ่งเป็นเรื่องของ การโฆษณา ที่มารบกวนก่อให้เกิดความน่ารำคาญ ตามมาด้วยความช้าในการเชื่อมต่อและใช้งานอินเตอร์เน็ต

เรื่องนี้เป็นสัญญาณเตือน นักการตลาดออนไลน์ที่กำลังทำการตลาดโดยการโฆษณาไปบนโลกออนไลน์ ที่เห็นว่ามีคนใช้งานอยู่มากมาย น่าจะทำให้คนได้เห็นโฆษณาหรือข่าวสารได้มาก ต้องคิดหนักๆว่าควรทำอะไรให้มันเกิดความเหมาะสม เพราะถ้าหากทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความรำคาญ ก็อาจจะพบกับการต่อต้านโฆษณา ซึ่งส่งผลต่อแบรนด์ได้เหมือนกัน

ถึงกระนั้น แม้ว่าคนอาจจะบ่นเรื่อง โฆษณา แต่เมื่อถามในแง่การซื้อของบนโลกออนไลน์แล้วถามว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนเข้าร้านขายของออนไลน์มากที่สุด ก็กลายเป็นว่าโฆษณาจากเว็บไซต์และสื่อออนไลน์มีผลมากที่สุด ‘เหนือกว่าข้อมูลจากรีวิว/ความเห็นของคนที่เคยใช้สินค้า’ เสียอีก ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าโฆษณาก็ยังมีประสิทธิภาพและนำไปสู่การสร้างโอกาสในการขายของได้อยู่

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เรานำเสนอ เป็นข้อมูลในปี 2561 เพื่อแสดงเป็นฐานข้อมูลให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่าหากจะทำการตลาดออนไลน์ หรือขายสินค้าออนไลน์ควรมีการทำการตลาดในสื่อโซเชียลอะไรดี แต่ก็อย่าถือเป็นบรรทัดฐาน เพราะกระแสสังคมออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงอยู่เสมอ นักการตลาดออนไลน์ที่ดีก็ควรเป็นเป็นแบบนั้นเช่นกัน