ตลาดรถยนต์ เวียดนาม เริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และผู้นำเข้าในประเทศ เวียดนาม หลังจากความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ได้ทยอยปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากประเทศในกลุ่มอาเซียนลดลงจากจากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 30 ในปี 2559 และได้ลดเหลือร้อยละ 0 ใช้วันที่ 1 มกราคม 2561 ส่งผลให้มีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเข้าไปยังเวียดนามมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) ของเวียดนาม ได้เสนอให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ สำหรับรถยนต์ต่ำกว่า 9 ที่นั่งไว้ที่ร้อยละ 40 ในปี 2548 และร้อยละ 50 ในปี 2553 อย่างไรก็ตามผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปี 2562 สามารถทำได้เพียง ร้อยละ 7-10 เท่านั้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
รายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ระบุว่า ล่าสุดกระทรวงการคลังเวียดนามได้ขอให้ให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมาย เพื่อยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับชิ้นส่วนและส่วนประกอบรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนที่จะทำให้ราคารถยนต์ที่ประกอบในประเทศลดลง โดยประเด็นดังกล่าวได้ระบุในหนังสือกระทรวง 655/BTC-CST ที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ที่เป็นความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่เพิ่มเติมและปรับปรุงบางข้อของ Decree 108/2015/ND-CP หากข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติก็สามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการในประเทศ เพิ่มอัตราชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ลดราคาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
เหตุผลสำคัญที่ทำให้กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการดังกล่าวมาจากภายใต้กฎหมายปัจจุบัน การคำนวณภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ขึ้นอยู่กับ "ราคาขายของผู้ผลิตรถยนต์"
ดังนั้นหากมีการตัดภาษีสำหรับชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศจะต้องปรับส่วนที่เกี่ยวข้องกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเพิ่มสัดส่วนชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศลดราคาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศให้สูงเทียบเท่ากับรถยนต์นำเข้า ทางกระทรวงจึงได้เสนอการคำนวณภาษีสรรถสามิตสำหรับรถยนต์ต่ำกว่า 9 ที่นั่งที่ประกอบในประเทศ จะเป็นราคาขายของผู้ผลิตรถยนต์ แต่หักมูลค่าชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศ
แต่ทว่าทางกระทรวงฯ ยังกังวลว่าการยกเลิกภาษีสรรพสามิตดังกล่าว อาจ "ละเมิด" ความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งไม่ได้ให้เลือกปฏิบัติระหว่างสินค้าที่นำเข้าและสินค้าภายในประเทศ
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังของเวียดนามให้เหตุผลว่า ประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย และไทย ได้ใช้กฎระเบียบเพื่อหักค่าชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ หรือให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่รถยนต์ที่ประกอบในประเทศในเวลา 3-5 ปี ซึ่งหากศึกษาประเด็นนี้ได้ข้อสรุป จะยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลและสมัชชาแห่งชาติ เพื่อพิจารณา เมื่อแก้ไขกฎหมายที่ว่าด้วยภาษีสรรพสามิตในอนาคตต่อไป
ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ เช่น Truong Hai, Toyota, Honda, และ Mitsubishi ต้องเสียภาษีสรรพสามิต โดยรถยนต์ที่ต่ำกว่า 9 ที่นั่งจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราตั้งแต่ร้อยละ 35 ถึง ร้อยละ 150 ดังนั้น การลดภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้อาจจะเป็น "จุดเปลี่ยน" ของอุตสาหกรรมและตลาดรถยนต์เวียดนามเลยก็ว่าได้
แต่ท้ายที่สุดหากเข้าใจบริบทเศรษฐกิจของเวียดนามที่ปัจจุบันชนชั้นกลางกลางมีฐานะดีขึ้น พูดง่ายๆ รถยนต์ขายดีขึ้น โดยเฉพาะแบบ SUV ขณะที่ศักยภาพของเวียดนามยังไม่เพียงพอต่อการผลิตในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะการนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบ รัฐเลยเปิดช่องลดภาษีนำเข้าเพื่อหวังกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ แต่การลดภาษีนำเข้าเท่ากับไปถีบส่งค่ายรถยนต์ที่ตั้งโรงงานประกอบในเวียดนาม
มาตรการแก้เก้อไว้ลูบหลังบริษัทผู้ลงทุนโรงงานผลิตในประเทศก็คือ ลดภาษีสรรพสามิตให้รถยนต์ที่ประกอบและผลิตในประเทศ สร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับรถยนต์นำเข้าได้นั่นเอง มองได้สองมุม ถ้าไม่พลาดก็ตั้งใจ แต่เชื่อว่าอย่างหลังมากกว่า
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333